5/8/2023

กองทุน LTF ครบกำหนด แต่ยังมีอยู่ในพอร์ต ..ทำอย่างไรดี ?

เคยสงสัยไหมว่า... ถ้ากองทุน LTF ของเรากำลังครบกำหนดในปีนี้ เราควร ขาย หรือ ถือต่อดี ?

​หลังจากที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่หลายท่านคุ้นเคย ได้เปลี่ยนเงื่อนไขถือครองจาก 5 ปี มาเป็น 7 ปีปฏิทิน ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 และในปี พ.ศ. 2566 นี้เอง ผู้ที่ซื้อกองทุน LTF เมื่อปี 2560 จะเป็นปีที่ครบกำหนดตามเงื่อนไขการลงทุน ​ทางเลือกใดจะเหมาะสมที่สุดสำหรับนักลงทุน อย่าเพิ่งตัดสินใจจนกว่าจะอ่านบทความนี้จบ​

วันนี้ KAsset Fund’s Guru คุณกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย อยากชวนมาเช็กลิสต์ผ่านคำถาม 3 ข้อสำคัญนี้กันก่อน

​​
กองทุน LTF ครบกำหนด แต่ยังมีอยู่ในพอร์ตทำอย่างไรดี ?

กองทุน LTF ครบกำหนด แต่ยังมีอยู่ในพอร์ตทำอย่างไรดี ? คลิปนี้ KAsset Fund’s Guru คุณกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย มีข้อแนะนำให้เราเช็กลิสต์ตัดสินใจได้เลย . เลือกซื้อกองทุน เลือก KAsset #KAsset #KAssetเรื่องกองทุนคุณเชื่อได้

โพสต์โดย KAsset เมื่อ วันอังคารที่ 4 เมษายน 2023
​​

​​ ​​​เช็กลิสต์ LTF ครบอายุ ผ่านคำถาม 3 ข้อสำคัญ

1. เช็กผลตอบแทนและเงินปันผลของกองทุน
ถ้าผลตอบแทนยังดีในระยะยาว แนะนำให้ถือ LTF ต่อ เพื่อรับผลตอบแทนเหมือนเดิมได้
แต่ถ้าผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดไว้ เราก็สามารถทยอยแบ่งขาย LTF บางส่วน แล้วนำเงินมาพักในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกองทุนตราสารหนี้แทนได้ เพื่อรอจังหวะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนต่อ 

“อย่าลืม : ในแง่ของผลตอบแทน เราควรนับรวม เงินปันผล ด้วย เพราะถ้ากองทุนที่เราลงทุนยังติดลบอยู่ แต่กองทุนนั้นจ่ายเงินปันผลให้เราอย่างสม่ำเสมอ รวมๆแล้ว เราอาจจะไม่ได้ขาดทุนอย่างที่คิดก็ได้”

2. เรารีบใช้เงิน หรือ มีความจำเป็นต้องใช้เงินส่วนนี้ หรือไม่?
ถ้าเป็นเงินเย็น แนะนำให้ถือ LTF ต่อ เพื่อรอจังหวะขายทำกำไรในอนาคต หรือถือเพื่อรอรับเงินปันผล หากกองทุนที่เราลงทุน มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เราจะได้มีเงินใช้ระหว่างลงทุนด้วย

3. เป้าหมายการลงทุนคืออะไร หรือ แผนการเงินของเราเป็นอย่างไร?
ถ้าเป้าหมายหลักของเรา คือ การสะสมเงินก้อน ไว้ใช้จ่ายในอนาคต แนะนำให้ลงทุน LTF ต่อไปได้
แต่ ถ้าเป้าหมายของเรา คือ ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ก็สามารถแบ่งขาย LTF บางส่วน แล้วไปถือ SSF หรือ RMF ให้เต็มสิทธิ์แทนได้ ซึ่งกองทุนของ KAsset ก็มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้

เชื่อว่า 3 คำถามสำคัญนี้ น่าจะทำให้เราตอบตัวเองได้ว่า เราจะจัดการกับ LTF ที่ครบอายุในปี้ อย่างไรดี ได้แน่นอน 

คำแนะนำการลงทุน 
โดยรวม บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองว่าสหรัฐฯยังมีความเสี่ยงในภาคธนาคาร ล่าสุด First Republic Bank เป็นธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯรายที่สองที่ประสบปัญหา และ JPMorgan Chase & Co. ได้มาเข้าซื้อกิจการ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในช่วงถัดไปจึงจะมีความยากลำบากมากขึ้นในการรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายเงินเฟ้อ และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ผลของการขึ้นดอกเบี้ยสะสมมาถึง 5% ณ ปัจจุบัน เริ่มส่งผลต่อต้นทุนของทุกภาคส่วน เริ่มเห็นการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทลง และคาดการณ์กำไร (EPS) ในปีนี้จะทรงตัวจากปีก่อนหน้า จึงยังคงมุมมอง Slightly Negative สำหรับการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ
 
สำหรับผู้ลงทุนที่ รับความเสี่ยงได้สูง
แนะนำกองทุนหุ้นจีน : K-CHINA, K-CHX, K-CCTV
กองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี : K-CHINA-SSF และ RMF  
เหมาะกับผู้ลงทุนที่อยากเติบโตไปกับหุ้นจีนระยะยาว จากเศรษฐกิจเป็นภาพของการฟื้นตัวชัดเจน ดัชนีชี้วัดต่างๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ 

สำหรับผู้ลงทุนที่ รับความเสี่ยงได้ปานกลา
แนะนำกองทุนผสม : K-PLAN2, K-PLAN3
เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ยังมีความกังวลในหุ้น และไม่อยากลงทุนในหุ้นทั้งจำนวน การที่กองทุนเน้นลงทุนในประเทศ จะได้รับผลกระทบจำกัดจากปัจจัยต่างประเทศที่ผันผวนในปัจจุบัน

กองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี : ​K-GINCOME-SSF และ RMF​ 
เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่อยากกระจายการลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ทั่วโลก และ K-GINCOME-SSF ยังมีนโยบายจ่ายปันผล ปีละ ไม่เกิน 4 ครั้ง

สำหรับผู้ลงทุนที่ รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ 
ระยะสั้น K-SF (ถือมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป), K-SFPLUS (ถือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป)
ระยะกลาง K-CBOND, K-PLAN1 (ถือมากกว่า 1 ปีขึ้นไป)
ระยะยาว K-FIXED, K-FIXEDPLUS (ถือมากกว่า 1.5 ปีขึ้นไป) 

กองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี : K-SF-SSF และ RMF
กองทุนเซฟภาษีความเสี่ยงต่ำ ที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชน โอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก​

ทั้งนี้ KAsset มีมุมมองบวกมากขึ้น ต่อการลงทุนในกองตราสารหนี้ระยะยาว (2-3 ปี) เนื่องจากในช่วงภาวะดอกเบี้ยทรงตัว/เข้าใกล้ขาลง กองทุนจะได้ประโยชน์จาก Capital Gain (ราคาตราสารปรับขึ้น) จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนจะสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและสั้นอย่างมีนัยยะ

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายกองทุนที่น่าสนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือซื้อกองทุนง่ายผ่าน K PLUS หรือ K-My Funds เริ่มเพียง 500 บาท

หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย คุณกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 5 พ.ค. 2023​

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
เงินคืนลดหย่อนภาษี ควรนำไปลงทุนอะไรต่อ? >>Click
เทคนิคแบ่งโบนัสก้อนใหญ่ ...ให้ดีต่อใจระยาว​​ >>Click
รวม 5 วิธีเริ่มวางแผนการเงิน ฉบับคนรุ่นใหม่ >>Click​




Yes
5/8/2023
0