HIGHLIGHTS:
• ผู้นำจีนให้คำมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในการประชุม Politburo 24 ก.ค. 2566 ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม หลังตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆออกมาอ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา
• มีการส่งสัญญาณฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ แก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ
• ตลาดหุ้นจีนทั้ง A-Shares และ H-Shares ต่างตอบรับเชิงบวก ปรับขึ้นประมาณ 2% และ 5% ตามลำดับ (25 ก.ค. 2566)
• KAsset มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น ผู้ที่มีหุ้นจีนยังไม่ถึงสัดส่วน 10-15% สามารถเข้าลงทุนได้ทันทีตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จากมูลค่าของดัชนี MSCI China ที่ปรับลงไปค่อนข้างต่ำมากแล้ว
ผู้นำจีนให้คำมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในการประชุม Politburo 24 ก.ค. 2566
เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2566 ที่ผ่านมา จีนมีการจัดประชุม Politburo ซึ่งเป็นการประชุมผู้บริหารประเทศระดับสูง และมี ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธานการประชุม
ในที่ประชุม ได้มีการส่งสัญญาณฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ แก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ โดยมีเนื้อหาสำคัญ ดังนี้
![07-china-fund-check-up-chinese-politburo-standing-committee-in-25july.jpg](/th/market-update/PublishingImages/Pages/07-china-fund-check-up-chinese-politburo-standing-committee-in-25july-jul23/07-china-fund-check-up-chinese-politburo-standing-committee-in-25july.jpg)
KAsset มองว่า โทนเสียงการประชุม Politburo ในครั้งนี้ เป็นไปตามที่เราคาดไว้ คือเป็นโทนเสียงที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มีการพูดถึงประเด็นที่เป็นความเสี่ยงของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น โดยโทนเสียงของการประชุม มีการพูดถึงนโยบายทั้งระยะสั้นและยาว รวมถึงเป็นการให้ทิศทางนโยบายที่เป็นบวก และเชิงรุกมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาจะไม่ได้เป็นการกระตุ้นแบบขนานใหญ่ แต่เรามองว่าบ่อยครั้งที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้ต้องรอรอบการประชุม Politburo และเนื่องจากการประชุมนี้ เป็นการประชุมผู้บริหารประเทศระดับสูง ซึ่งเป็นการวางนโยบายในภาพใหญ่ และอาจไม่ได้มีมาตรการที่เฉพาะเจาะจงออกมาเป็นรูปธรรมในทันที แต่เรามองว่าจะมีนโยบายที่เน้นการเติบโตทยอยออกมาหลังจากการประชุมนี้
มุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และดูแลความเสี่ยงในจุดสำคัญของประเทศ
โทนเสียงของการประชุมนี้ แตกต่างจากการประชุมครั้งที่ผ่านๆมา ที่เน้นการลดการก่อหนี้ และเน้นการควบคุมความเสี่ยงเป็นหลัก แต่ในครั้งนี้ ประเด็นหลักสำคัญของการประชุม คือ 1. การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 2. ดูแลความเสี่ยงในจุดสำคัญของประเทศ โดยเป็นการเน้นการเติบโต และลดการว่างงานในหนุ่มสาว เพิ่มตำแหน่งงาน เพิ่มงาน ดังนั้นนโยบายต่างๆที่ออกมา จะเป็นนโยบายที่เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยประเด็นหลักๆ ที่เราเห็นว่าสำคัญ มีดังนี้
1. ภาคอสังหาริมทรัพย์ :
ที่ผ่านมานโยบายเรื่อง housing is for living, not for speculation เป็นนโยบายที่ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงอย่างมาก แต่ไม่มีการพูดถึงประเด็นนี้ในการประชุมครั้งนี้แล้ว หลังจากที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนหลังการเปิดเมือง ยอดขายบ้านใหม่ลดลงอย่างมาก และความต้องการซื้อบ้านก็ลดลง สะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอลงมาก ดังนั้นที่ผ่านมาจะเห็นว่า จีนออกมาตรการเพื่อฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดูแลทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยที่มีมาตรการเพื่อดูแลความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้ของเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ออกมาตรการที่เอื้อให้การซื้อบ้านง่ายขึ้นด้วย
2. หนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น :
หนึ่งในประเด็นที่ตลาดกังวล ที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีการมุ่งเน้นให้รัฐบาลท้องถิ่นลดการก่อหนี้ และไม่ได้สนับสนุนให้มีการออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนเพิ่มเติม แต่ในการประชุมรอบนี้ มีการพูดถึงการขอให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งการออกพันธบัตร เพื่อนำเงินมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากการประชุมรอบก่อนๆ บ่งชี้ว่ารัฐบาลต้องการที่จะกระตุ้นผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมีการสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในระบบไปในตัว
3. นโยบายการคลัง :
ส่งสัญญาณจะผ่อนคลายมากขึ้น และมีการพูดถึงการใช้นโยบายของภาครัฐเป็น counter-cyclical แปลว่า หากเศรษฐกิจอ่อนแอ จะใช้นโยบายทั้งด้านการคลังและการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการใช้คำว่า counter-cyclical มีการใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562 เป็นการส่งสัญญาณว่า นโยบายต่างๆจะต้องใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
คำแนะนำการลงทุน
ความชัดเจนเรื่องนโยบายที่จะผ่อนคลายมากขึ้น และโทนเสียงการประชุมที่สะท้อนความมุ่งมั่นว่าจะเน้นการเติบโต ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีหุ้นจีนยังไม่ถึงสัดส่วน 10-15% เรามองว่าที่มูลค่าของดัชนี MSCI China ที่ค่อนข้างต่ำ แนะนำให้สามารถเข้าลงทุนได้ทันทีตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้
หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2023
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
มุมมองการลงทุน หลังเลือกตั้ง พ.ค. 2566 >>
Clickกองทุน LTF ครบกำหนด ..ทำอย่างไรดี ? >>
ClickGDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>
Click