5/16/2023

มุมมองการลงทุน หลัง "พรรคก้าวไกล" ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่

HIGHLIGHTS :
• พรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้ง 2566 และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก
• Timeline การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน ส.ค. 2566
• หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้อย่างราบรื่น จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นในภาพรวม
• เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังเป็นภาพของการฟื้นตัว นักวิเคราะห์คาด GDP ปีนี้จะโตได้ 3.5%-3.6%
• KAsset มองตลาดหุ้นอาจจะยังผันผวน จากความไม่แน่นอนในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล

พรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้ง 2566 เตรียมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก​
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกล คะแนนนำอันดับ 1 ได้ส.ส.แบ่งเขต 113 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง รวมได้ส.ส. 152 ที่นั่ง ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ส.ส.แบ่งเขต 112 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 29 ที่นั่ง รวม 141 ที่นั่ง และพรรคที่ได้อันดับ 3 คือ พรรคภูมิใจไทย ได้ส.ส.แบ่งเขต 67 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 ที่นั่ง รวม 70 ที่นั่ง

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ประกาศเตรียมจัดตั้งรัฐบาลกับอีก 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม ซึ่งคาดว่าจะได้เสียงในสภารวม 309 เสียง หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ตามนี้ จะทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
(ข้อมูล ณ 15 พ.ค. 2566)​

Timeline การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน ส.ค. 2566​
• ภายใน 13 ก.ค. 2566 กกต.จะต้องประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566)
• ภายใน ก.ค.  2566 เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกและนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
• ภายใน ส.ค. 2566 รอโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เริ่มปฏิบัติหน้าที่

เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังเป็นภาพของการฟื้นตัว ​
นักวิเคราะห์คาด GDP ปีนี้จะโตได้ 3.5%-3.6% หลังจากขยายตัว 2.7% ในไตรมาส 1/2566 ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 สูงสุดในรอบ 3 ปี อยู่ที่ระดับ 55.0 จากการที่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและมีความคาดหวังต่อการเลือกตั้ง ด้านเงินเฟ้อของไทยเดือนเม.ย. ออกมา 2.67% ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ส่งผลให้ชะลอตัวลงกลับเข้ากรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2-3% บ่งชี้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อของไทยในปีนี้คลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง

หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้อย่างราบรื่น จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นในภาพรวม ​
หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้อย่างราบรื่น จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นในภาพรวม คาดว่ารัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะสามารถดำเนินนโยบายต่างๆได้ดี ซึ่งหากรัฐบาลใหม่สามารถดำเนินนโยบายตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับการการกระตุ้นการบริโภค (เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มการสร้างงาน) จะเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ รวมทั้งมีเม็ดเงินภาครัฐที่จะเข้ามาหนุนเศรษฐกิจโดยเฉพาะในปีหน้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและส่งผลบวกต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ตลาดหุ้นอาจยังผันผวนจากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล​ ​
นักลงทุนมีความคาดหวังต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน อย่างไรก็ดี ยังคงต้องรอติดตามการจัดตั้งรัฐบาล การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมสภาฯ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ  โดยหากการจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถเป็นไปอย่างราบรื่นอาจส่งผลให้รัฐบาลรักษาการต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งเศรษฐกิจและสภาวะการลงทุน เนื่องจากรัฐบาลรักษาการจะไม่สามารถออกนโยบายต่างๆ มาสนับสนุนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ 

คำแนะนำการลงทุน
“หากรับความเสี่ยงได้สูง KAsset แนะนำให้ทยอยลงทุนกองทุนหุ้นไทยในช่วงที่มีการย่อตัวลง เพราะเทรนด์เศรษฐกิจไทยเป็นช่วงฟื้นตัว สำหรับนักลงทุนที่ยังมีความกังวล ก็แนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนผสม ที่สามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวนได้ดี และมีทีมผู้จัดการกองทุนดูแลพอร์ตให้อย่างใกล้ชิด”

K-STARจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่่องจากแรงหนุนด้านภาคการท่องเที่ยวและการบริโภค ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว รวมถึงราคาหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่จะทยอยเข้าสะสม​

K-PLAN2 (หุ้นไม่เกิน 30%) และ K-PLAN3 (หุ้นไม่เกิน 55%)​สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และยังมีความกังวลในหุ้น อาจเลือกลงทุนแบบผสมเน้นสินทรัพย์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจำกัดกว่าการลงทุนในต่างประเทศที่มีความผันผวนในปัจจุบัน

กองทุนลดหย่อนภาษี
แนะนำให้ทยอยเข้าลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ หรืออาจใช้วิธี DCA เป็นประจำทุกๆ เดือนผ่านแอป K-My Funds เพื่อช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุน

K-STAR-SSF และ RMF : เน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดีที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

K-GINCOME-SSF และ RMF : เน้นกระจายการลงทุนครบทุกสินทรัพย์ทั่วโลก (Diversified) ทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก 

“สำหรับกองทุน LTF แนะนำให้ถือต่อไปจากเทรนด์เศรษฐกิจฟื้นตัว โดย KAsset ยังมองเป้า SET Index ปลายปีนี้ที่ 1750 จุด”


หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2023​

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
เกิดอะไรขึ้น? เมื่อ GDP สหรัฐฯ โตเพียง 1.1% >>Click​
มุมมองการลงทุนหลังเกิดวิกฤต Credit Suisse >>Click
เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรก ขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด​ >>Click
กองทุน LTF ครบกำหนด ..ทำอย่างไรดี ? >>Click​

Yes
5/16/2023
0