ตลาดหุ้นจีนมีธุรกิจให้เลือกลงทุนเป็นจำนวนมาก โดย บลจ.กสิกรไทย มองว่าในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคจะเห็นแรงซื้อกลับมาก่อนกลุ่มอื่น ขณะเดียวกัน กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาประเทศก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งจะเน้นด้านนวัตกรรมและมีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว
กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น
“กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น” เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และธุรกิจการเงิน ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวและนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจ
ในอดีต เศรษฐกิจจีนถูกเติบโตจากภาคการผลิตเป็นหลัก แต่ปัจจุบัน “กำลังการบริโภคในประเทศ” กลับเติบโตแซงขึ้นมาอยู่ในสัดส่วนที่สูงกว่า คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของ GDP ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ล่าสุดที่ออกมาขยายตัวต่ำกว่าคาด ทำให้จีนมีโอกาสสูงที่การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปีจะไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ทางการจีนจะต้องพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ
การบริโภคภายในประเทศเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น
การที่สัดส่วนชนชั้นกลางของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริโภคในประเทศเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น โดยยอดขายภาคการค้าปลีกของจีนในฤดูกาลช้อปปิ้ง สามารถเติบโตแซงหน้าสหรัฐฯไปได้
นอกจากนั้น ประชาชนชาวจีนเริ่มเสาะหาบริการด้านต่างๆที่มีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์ หรือใช้บริการคำแนะนำด้านการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง และทำประกันเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัว
จึงมีธุรกิจที่น่าลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น สินค้าฟุ่มเฟือยหรือแบรนด์แนมในประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีและบริการทางการแพทย์ รวมถึงธุรกิจ Wealth Management และประกัน
กลุ่มที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
อีกกลุ่มธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ “กลุ่มที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนในระยะยาว” เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่
รัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นที่จะ “พัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี” ต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่จากโลกตะวันตก
จึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนในประเทศ ลงทุนวิจัยและพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีในทุกด้าน เพื่อให้จีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้อย่างเต็มตัว และเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีแทนการนำเข้า
ปัจจัยดังกล่าวทำให้ประเทศจีนมีการจดสิทธิบัตรใหม่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก แซงหน้าสหรัฐฯและญี่ปุ่น โดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นด้านเซมิคอนดักเตอร์ คลาวด์ หุ่นยนต์และระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ รวมถึง Artificial Intelligence
การพัฒนานวัตกรรมและพลังงานทดแทน หนึ่งในแผนการพัฒนาประเทศระยะยาวที่สำคัญ
นอกจากนี้ “การลดการปล่อยคาร์บอน” หรือการลดการใช้พลังงานที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาประเทศระยะยาวที่สำคัญ โดยจีนตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2060 ถือเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันจีนมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าสหรัฐฯกว่า 2 เท่าตัว
ภาครัฐบาลและเอกชนของจีน เร่งลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ประเทศจีนมีแบรนด์รถยนต์ EV ของตัวเองออกมามากมาย เช่น XPENG, NIO และ BYD และตั้งเป้าจะเพิ่มยอดขายรถ EV จาก 5% ของยอดขายรถทั้งหมด ไปเป็น 20% ในปี 2025 โดยกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธีมการลดการปล่อยคาร์บอนนั้นมีที่น่าสนใจหลากหลาย อาทิ พลังงานทดแทน (ลม แสงอาทิตย์) รถยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่และวัสดุที่ลดปัญหาด้านมลภาวะ
จากข้อมูลข้างต้นจึงเห็นได้ว่า ธีมการลงทุนในประเทศจีนมีหลากหลาย ครอบคลุมการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งหมายถึงโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจที่น่าสนใจ ก็จะมีเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน บลจ.กสิกรไทย มีกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นจีนหลายประเภท ซึ่งสามารถตอบโจทย์การลงทุนของผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนในตลาดหุ้นจีนได้อย่างแน่นอน
กองทุนแนะนำ
K-CHX : ลงทุนผ่านกองทุนหลัก CSOP FTSE China A50 ETF ลงทุนเฉพาะหุ้น A-Shares เท่านั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการติดตามการเคลื่อนไหวการลงทุนผ่านดัชนี FTSE China A50
อุปสงค์ภายในประเทศ จะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่มอุปโภคและการเงิน ที่กองทุนเน้นลงทุน ให้กลับมาฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่มอื่น
K-CHINA : ลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund ที่ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศต่างๆทั่วโลก (All China) ที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง
เหมาะกับผู้ที่ชอบหุ้นจีนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และการบริโภค และสรรหาการลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก
K-CCTV : ลงทุนในกองทุนหลัก 2 กองทุน ได้แก่ UBS China A Opportunity และ Schroder International Selection Fund China A เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ผ่านผู้จัดการกองทุนหลักที่บริหารพอร์ตแบบ Active Management
โดยทั้งสองกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น (A-Shares) และใช้โมเดลควบคุมความผันผวน ผ่านการปรับเพิ่ม/ลดสัดส่วนหุ้นจีน เพื่อช่วยลดผลขาดทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว