HIGHLIGHTS :
• เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ปี 2566 ฟื้นตัวดี ขยายตัว 6.3% แต่ยังต่ำกว่าตลาดคาด
• ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับคาดการณ์
• ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 4.4% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
• อัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาว แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
• คาดว่าทางการจีนจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบสมดุลและระมัดระวัง เพื่อให้ GDP โตตามเป้าที่ 5%
• KAsset ยังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นจีน แต่นักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้ ทยอยเข้าซื้อสะสมกองทุนหุ้นจีนจาก Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ
เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ปี 2566 ฟื้นตัวดี แต่ยังต่ำกว่าตลาดคาด
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงาน GDP ไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 6.3% (เทียบรายปี) ซึ่งแม้ว่าจะขยายตัวรวดเร็วขึ้นจากระดับ 4.5% ในไตรมาส 1 แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 7.3% หากดูรายไตรมาส ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัว 0.8% ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงอย่างมากจากไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 2.2% แต่ตัวเลขดังกล่าวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.5%
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ของจีนในเดือน มิ.ย. มีประกาศออกมา ดังนี้
ยอดค้าปลีกเดือนปรับตัวขึ้น 3.1% (เทียบรายปี) ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.2% ได้แรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านกีฬา การจัดเลี้ยง และสันทนาการ ขณะที่ยอดค้าปลีกทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 6.7%
การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 4.4% (เทียบรายปี) ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 3.8% แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.5%
อัตราว่างงานโดยรวมอยู่ที่ระดับ 5.2% (เทียบรายปี) แต่อัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวซึ่งมีอายุระหว่าง 16-24 ปี อยู่ที่ระดับ 21.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจจีน
KAsset มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเริ่มแผ่วลง หลังจากที่ขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงแรกของปี ประกอบกับการส่งออกที่ชะลอตัวลง และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาคการผลิตออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด จีนจึงมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่ออกมาสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การเลื่อนการชำระหนี้ของภาคอสังหาฯ ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ สะท้อนความตั้งใจของทางการจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เติบโตตามที่เป้าหมาย GDP ที่เคยให้ไว้ที่ 5% แต่คาดว่าการออกมาตรการต่างๆ จะเป็นไปแบบสมดุลและระมัดระวัง
มุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน
“ดัชนี A-Shares และ H-Shares ได้ปรับลดลงมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.ปีนี้ ขณะที่ Forward P/E ปรับตัวลงมาที่ระดับ 8.6 เท่า และ 11.5 เท่าตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว”
ประกอบกับ ตลาดมองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ในระดับประมาณ 15% ในปี 2567 อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นจีนมีความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์ และความเสี่ยงด้านการชะลอตัวของภาคอสังหาฯ ที่ยังเป็นปัจจัยกดดันที่อาจกระทบตลาดได้เป็นระยะๆ
คำแนะนำการลงทุน
KAsset ยังคงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นจีน ถึงแม้เราจะมองว่าเศรษฐกิจจีนยังมีความไม่แน่นอน และยังคงต้องจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า แต่นักลงทุนก็สามารถใช้จังหวะนี้ ทยอยเข้าซื้อสะสมกองทุนหุ้นจีนที่ Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ โดยแนะนำกองทุน
เน้นลงทุนในหุ้นจีนศักยภาพสูง ที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) เน้นธุรกิจที่ได้แรงสนับสนุนจากนโยบายพัฒนาประเทศในระยะยาว พร้อมมีโมเดลควบคุมความเสี่ยงโดยผู้จัดการกองทุน KAsset คอยปรับพอร์ตตลอดเวลา
ลงทุนหุ้นจีนขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวแรกที่จดทะเบียนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) โดยอ้างอิงการลงทุนตามดัชนี FTSE China A50 เน้นหุ้นกลุ่มบริโภคและการเงิน ที่จะเติบโตจากอุปสงค์ในประเทศ
จากปัจจัยสนับสนุนด้านราคาหุ้นจีน ที่ได้ปรับลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก รวมถึงตลาดคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก และทางการจีนยังมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการเงินและการคลังได้อีกเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี หากมาตรการที่ออกมาไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และทำให้นักลงทุนผิดหวัง เศรษฐกิจที่ฟื้นค่อนข้างช้าจะเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นจีนต่อไป