ผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ดีกว่าที่ตลาดคาดทั้งในด้านรายได้และกำไร โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สหรัฐฯมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

ในส่วนของประเทศจีน GDP ไตรมาส 2 ยังขยายตัวได้ แม้จะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆของจีน มีพัฒนาการที่ดี ภาคอสังหาฯจีนยังไม่สดใส แต่เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น คาดเศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และรัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกมาก​

เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงขึ้นต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ผลิตสินค้าไม่ได้ จนเกิดปัญหา supply chain และปัญหาน้ำมันราคาสูง รวมทั้งสินค้าเกษตรจากสงครามรัสเซียยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนราคาสินค้าแพงขึ้นทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ รวมทั้งทั่วโลก

ปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้อำนาจในการจับจ่ายใช้สอยลดลง ธนาคารกลางทั่วโลกเลยใช้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาใช้ในการระงับปัญหานี้ ทำใช้ตลาดกังวลว่าเกิดเศรษฐกิจจะชะลอตัว รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจถดถอย จนนักลงทุนย้ายเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า

ดังนั้น ถ้าเราไม่เริ่มทะยอยเข้าลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะถือว่าเราได้พลาดโอกาส เพราะถ้ายิ่งรอนานก็ยิ่งมีเวลาน้อยลง นักลงทุนอาจถูกมัดมือชกให้ต้องซื้อหน่วยลงทุนในราคาที่สูง ราคาเท่าไหรก็ต้องซื้อ เพราะเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ซื้อก็จะเกินเวลาและไม่ได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี

การเลือกต้องขึ้นอยู่กับ ฐานภาษี และช่วงอายุ ยกตัวอย่างอายุ 30 ต้นๆ ก็ควรเลือก SSF ก่อน เพราะระยะเวลาการถือครองน้อยกว่า แต่ถ้าต้องการลดภาษีแบบเต็มๆ ก็อาจจะเสริมด้วย RMF ยกตัวอย่าง ถ้านักลงทุนอายุ 45 ปี ก็จะเลือกลง RMF แทน เพราะเมื่ออายุครบ 55 ปี ก็สามารถขายหน่วยลงทุนได้เลยหากถือครองครบ 5 ปีแล้ว 

แนะนำให้จัดพอร์ทการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์เดียว เพื่อกระจายความเสี่ยงและจะได้มีตัวเลือกครอบคลุมทุกสินทรัพย์ แต่ต้องคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุนที่ยอมรับได้ด้วย

โดยแนะนำให้มีการทบทวนพอร์ทการลงทุนเป็นประจำ เช่น เมื่อตลาดหุ้นตกอาจจะ switching ไปกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ หรือที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น ทั้งนี้ หากไม่สะดวกในการ switching หน่วยลงทุน ก็แนะนำให้ลงทุนผ่านกองกุนรวมผสม ที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ต้องกังวลเรื่องจับจังหวะในการลงทุน  

กองทุน K-Gincome-SFF : กระจายลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท (Diversified) ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก โดยเน้นไปที่สินทรัพย์ที่มี yield ที่ดี สามารถลงทุนได้ทุกช่วงทุกเวลา เพราะมีการ ปรับสัดส่วนการลงทุนให้ทันกับสภาวะตลาด (Dynamic) 

กองทุน KGARMF : กระจายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลายประเภท​ (Diversified) ตราสารทุน ตราสารหนี้ทั่วโลก และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ลงทุนกองทุนเดียวได้สินทรัพย์ครบทั่วโลก เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับหุ้นโลก

กองทุน K-China-SFF และ K-China-RMF : เศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 และคาดว่ารัฐบาลจีน จะมีนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย GDP อีกมากมาย 

กองทุน K-Vietnam-RMF : เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกลุ่ม ASEAN Emerging Markets จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากจำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน และการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติอยู่ในระดับสูง

การมีแค่กองทุน PVD อาจจะไม่สามารถลดภาษีได้เพียงพอ จากตัวเลือกในการลงทุน PVD อาจจะมีจำกัด กว่าการลงทุนผ่าน RMF / SSF ทีมีหลายสินทรัพย์หลากหลายนโยบายในการลงทุน ทำให้เราสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนเองได้ตลอดเวลาจาก Application K-My Funds ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนและดู Nav ได้ทุกภาวะตลาด

เราทราบกันดีว่า การออมและลงทุน เป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคต แต่สิ่งที่ฉุดรั้งให้หลายคนยังเริ่มต้นทำไม่ได้ คือ วินัยในการลงทุน นั้นเอง

ดังนั้น DCA หรือ วิธีการลงทุนแบบสม่ำเสมอ จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วย ให้คนที่ใช้วิธีการลงทุนนี้ได้สร้างวินัยให้กับตัวเอง ที่สำคัญถ้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในทางเลือกที่ผลตอบแทนทีดี ก็จะช่วยสร้างเงินออมก้อนโตที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายต่างๆ ในชีวิต

DCA จึงเป็นทางเลือกในการสร้าง วินัยในการลงทุน และทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะตลาด แถมช่วยกระจายความเสี่ยงในยามที่ตลาดผันผวนในอีกทางหนึ่ง และเพื่อความยืดหยุ่นในการลงทุน ในเดือนที่เราเห็นว่าตลาดลงไปเยอะ เราอาจจะเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในเดือนนั้นๆ ก็ได้ตามสมควร