12/1/2022

เจาะลึกการลงทุน ไทย-เวียดนาม จะไปต่อ...หรือพอก่อน?

​​​​​thai-vietnam-go-forward-or-backwards.jpg
​​​​​​​​​​​​
HIGHLIGHTS :
• คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.3% ส่วนใหญ่การเติบโตมาจากฝั่งเอเชีย ส่วนไทยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 4%  
• Bloomberg คาดการณ์ว่า ปีหน้าสหรัฐฯจะเกิด Recession มีโอกาส 60% ส่วนยุโรปก็มีโอกาสเกิด Recession ถึง 80-90%  
• สำหรับตลาดหุ้นเวียดนามต้องจับตาดู หุ้นกู้เอกชนจะครบกำหนดชำระในเดือน ธ.ค. หากสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ สถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาดีขึ้น 
• สำหรับตลาดหุ้นไทย ในปี 2023 แนะนำให้จัดพอร์ตแบบ Conservative แม้มีโอกาสในทางบวก แต่ยังไม่อยากให้เสี่ยงมาก
• Valuation ของตลาดหุ้นเวียดนามถูกมาก ในปี 2023 คาดว่า P/E อยู่ที่ 8 เท่า และ Earnings Growth Rate 16% 
• ตลาดหุ้นเวียดนามเป็น Frontier Market คนที่ไม่ต้องการหวือหวามาก ควรมีสัดส่วนลงทุนในเวียดนามน้อยกว่าหุ้นไทย ​

ตลาดหุ้นเวียดนามย่อตัวลงมาลึกในปีนี้ จะลงต่อไปอีกมั้ย? ...ตลาดหุ้นไทยกำลังฟื้นตัว จะไปต่อได้แค่ไหน
สถานการณ์ตลาดที่ยังไม่ชัดเจน มีปัจจัยเสี่ยงภายนอกคอยกดดันอยู่ ควรจะปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไรจึงจะเหมาะสม? 
วันนี้ KAsset มีคำตอบ...

youtube.jpg

ปัจจัยที่ต้องติดตามในปี 2023
ต้องติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนต่อเนื่องจากปี 2022  เช่น สงครามในยูเครน โดยนักลงทุนก็คาดหวังว่าจะไม่มีอะไรที่น่ากลัว ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังอยู่ในระดับสูง ส่วนภูมิภาคเอเชียมีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า ด้านสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาต่ำประมาณปี 2024 

คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.3% ส่วนใหญ่การเติบโตจะมาจากฝั่งเอเชีย ประเทศที่เติบโตดี ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ส่วนไทยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 4% 

ผลสำรวจของ Bloomberg ที่เก็บข้อมูลช่วง ม.ค.-พ.ย.2022 คาดการณ์ว่า ในปีหน้า มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิด Recession เศรษฐกิจสหภาพยุโรปมีโอกาสเกิด Recession 80-90% ส่วนเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเพียง 15% 

สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคและตลาดหุ้นของเวียดนาม
คาดการณ์ว่า GDP เวียดนามจะขยายตัวประมาณ 6-7% ในปี 2023 โดยในอนาคตอันใกล้ ธนาคารกลางเวียดนามจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงอีก จึงไม่ห่วงเรื่อง Demand Shock ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว

ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นเวียดนามติดลบ 36% โดยเริ่มปรับลงช่วงมี.ค.-เม.ย. เพราะมีเรื่องปั่นหุ้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยขาดความเชื่อมั่น Sentiment ในตลาดแย่ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งที่ความเชื่อมั่นจะฟื้นกลับมา

การออกหุ้นกู้เอกชนรายอุตสาหกรรมในเวียดนาม โดยภาคอสังหาฯ มี Bond Outstanding ประมาณ 42.9% ของตลาดทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 31.6%  หรือสรุปได้ว่า สัดส่วนของหุ้นกู้เอกชนส่วนใหญ่ หรือกว่า 70% อยู่ในกลุ่มอสังหาฯ และธนาคารพาณิชย์
น้ำหนักในดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามรายอุตสาหกรรม อันดับ 1 คือ สถาบันการเงิน 36.9% รองลงมา คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 19.6% ทำให้ 2 อุตสาหกรรมนี้ จึงมีความสำคัญต่อตลาดหุ้นและ Sentiment ในตลาด

ตลาดหุ้นเวียดนามมีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยประมาณ 80% และมีอัตราการใช้ Margin Loan สูง ทำให้เมื่อมีแรงเทขาย จะมีแรงมากพอสมควร ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในตลาดหุ้นเวียดนาม ผู้ถือหุ้นใหญ่นำหุ้นเป็นหลักประกันกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อกู้ยืมเงิน ดังนั้นเมื่อตลาดปรับตัวลดลง ราคาหุ้นลดลง ทำให้มีแรงเทขาย เพราะเกิด Forced Selling

ปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะนี้ คือ เดือนธ.ค. หุ้นกู้เอกชนจะครบกำหนดชำระ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอสังหาฯ และสถาบันการเงิน หากสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ สถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาดีขึ้น Regulator สามารถออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหา Credit Crunch ในส่วนของสินเชื่อและเงินกู้ได้ และคาดว่าทางการเวียดนามจะออกมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่น เพราะต้องการยกระดับจากการเป็น Frontier Market เป็น Emerging Market

หุ้นไทย น่าลงทุนหรือไม่? คำแนะนำการลงทุน
เมื่อประเมินจากเศรษฐกิจมหภาค คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงไปต่อ และ Outperform ตลาดอื่นๆ ได้ โดยในปี 2023 ประเมินว่า SET Index อยู่ที่ระดับ 1,700 จุด จะมี Upside ไม่เยอะ และมี Downside บ้าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือ ภูมิรัฐศาสตร์ ส่วน EPS อยู่ที่ 110-115 และมี Earnings Growth Rate ประมาณ 5%

ปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2023 คือ คาดว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครบในปี 2023 ดอลลาร์อ่อนตัวส่งผลดีต่อตลาด EM และคาดการณ์ว่าจีนจะผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตดี เงินเฟ้อต่ำ และภาคท่องเที่ยวดีขึ้น แต่อาจมีปัจจัยลบที่ต้องระวัง เช่น เงินเฟ้อผิดคาด ไม่ยอมปรับลง 

"คำแนะนำการลงทุน สำหรับหุ้นไทยในปี 2023 แนะนำให้จัดพอร์ตแบบ Conservative แม้มีโอกาสในทางบวก แต่ยังไม่อยากให้เสี่ยงมาก" 

Key Investment Themes สำหรับหุ้นไทย
  • Hedging ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์: แนะนำหุ้น BCP (มีการกระจายธุรกิจดี Valuation ไม่แพง P/E Single Digit มีการลงทุนในอนาคต), PRM (ธุรกิจเดินเรือขนน้ำมัน)
  • ​หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย: แนะนำหุ้น KTB (มีการเติบโตเชิงโครงสร้าง หากำไรและรายได้แอปเป๋าตังค์ได้ดี และจะเป็นธนาคารแรกๆ ที่มี ROE ขึ้นเป็น 10%)
  • Hedging วัฏจักร NPL ในประเทศ กรณีมี NPL เพิ่มขึ้น: แนะนำ BAM (ฐานต่ำ มีความสามารถในการซื้อหนี้สูง และ Valuation ไม่แพง)
  • K-Shaped Economy: แนะนำ SC (เงินปันผลดี ได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าคนรวย Valuation ไม่แพง)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ: แนะนำหุ้นที่ไซซ์ค่อนข้างใหญ่ CPN, CRC, BDMS, MINT, ADVANC เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว 
  • การเติบโตเชิงโครงสร้าง: AAI (อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจที่ดีต่อเนื่องตั้งแต่โควิด-19 รายได้โตสองหลัก)
คำแนะนำการลงทุน ตลาดหุ้นเวียดนาม ...ไปต่อหรือรอก่อน? 
Valuation ของตลาดหุ้นเวียดนามถูกมาก ปี 2023 คาดว่า P/E อยู่ที่ 8 เท่า และ Earnings Growth Rate 16% อาจมี Downside บ้างแต่ไม่น่าจะเยอะเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอีก 2-3 เดือน จะมีการปรับลดคาดการณ์ลง เพราะต้นทุนการเงินของหลายบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ก็คาดการณ์ว่า Earnings Growth Rate จะอยู่ในระดับ Double Digit ได้ 

"คำแนะนำการลงทุน สรุปว่า ตลาดหุ้นเวียดนาม รอเพื่อไปต่อ แต่อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
ดังนั้น พอร์ตลงทุนเวียดนาม ควรเน้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ บริษัทที่มี Balance Sheet ดี หนี้ต่ำ"

คำแนะนำสำหรับการจัดพอร์ต การลงทุนปี 2023 
ในช่วงที่ตลาดยังไม่ชัดเจน แนะนำให้ลงทุนแบบ SAA (Strategic Asset Allocation) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างเหมาะสม ต้นปี 2023 เริ่มจากพอร์ตที่ไม่เสี่ยงมาก และเมื่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ลดลง สามารถพุ่งเป้ารายภูมิภาคได้ คาดว่า ช่วงกลางปี 2023 จะเห็นภาพต่างๆ ชัดขึ้น

หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในแง่ของผลตอบแทน  ควรปรับพอร์ตตามความสามารถรับความเสี่ยง และควรมีตราสารหนี้ในพอร์ตบ้าง 
ตลาดหุ้นเวียดนามเป็น Frontier Market คนที่ไม่ต้องการหวือหวามาก ควรมีสัดส่วนลงทุนในเวียดนามน้อยกว่าหุ้นไทย
 
ตลาดหุ้นจีนเหมาะสำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ ตอนนี้หุ้นปรับลงมาเยอะ และในที่สุดจีนจะต้องเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้ตลาดดีขึ้น​


ที่มา จากงานสัมมนา : เจาะลึกการลงทุน ไทย-เวียดนาม​  “จะไปต่อ หรือ…พอก่อน?” 
• คุณภาสกร ลินมณีโชติ Managing Director, Kasikorn Securities 
• คุณธิดาศิริ ศรีสมิต Chief Investment Officer, KAsset​
ข้อมูล ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2565​​

คำเตือน : ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
ลงทุนให้ถึงเป้าหมายเงินล้าน >> อ่านต่อ​
วางแผนภาษี มีแค่ PVD พอไม๊ >> อ่านต่อ​
ลงทุน SAVE ภาษีกันดีกว่า >> อ่านต่อ
ทำไมลงทุนเร็ว ถึงดีกว่าเริ่มลงทุนช้า​ >> อ่านต่อ​



​​​​​
Yes
12/1/2022