“เวนิส" เมืองท่องเที่ยวสุดโรแมนติกจากอิตาลี กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี
แถมนักวิทยาศาสตร์ยังได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเมืองแห่งนี้ อาจจมน้ำหายไปในปี พ.ศ. 2693 อีกด้วย
“เทือกเขาแอลป์" ที่ครอบคลุมพื้นที่หลายประเทศในยุโรป กำลังประสบปัญหาหิมะลดลง
5.6% ต่อช่วงหนึ่งทศวรรษ ตลอดระยะเวลา
50 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อรายได้ทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตของผู้คนที่คุ้นชินกับเมืองหนาว
“ส่วนภาคเหนือ ของประเทศไทย" ในช่วงที่ผ่านมา ก็กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
นี่เป็นสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ จากการที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปีนั่นเอง ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึง “ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว" ของผู้คนส่วนใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมที่ทำ หรือการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่เน้นไปเที่ยวในฤดูกาลอื่น ๆ มากกว่าช่วงฤดูร้อน เป็นต้น
Eco-Tourism
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ปัจจุบันได้เกิดเทรนด์ท่องเที่ยวอย่าง “Eco-Tourism " หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากขึ้น ซึ่งจุดประสงค์หลักของการท่องเที่ยวประเภทนี้ เป็นการท่องเที่ยวที่เน้นลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่นให้น้อยที่สุด
และสถิติจาก TravelPerk พบว่า กว่า 56% ของชาว Gen Z ในปัจจุบัน ที่อยู่ในกลุ่มตัวอย่างการสำรวจนั้น ต่างให้ความสำคัญ กับเรื่องของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การเข้าพักในที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเน้นกิจกรรมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เป็นต้น
แต่การจะคงไว้ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแบบนี้ การลงมือช่วยเหลือเพียงฝ่ายเดียวจึงอาจยังไม่เพียงพอ เพราะเรื่องของการดูแลธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องในระดับมหภาคที่ทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเราเอง รัฐบาล หรือองค์กรเอกชนก็ตาม
การปลูกฝังค่านิยม
ESG ในประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ในปัจจุบัน เราจึงได้เห็นการจัดนโยบายรณรงค์การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการดูแลสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นจากทางฝั่งรัฐบาล รวมถึงองค์กรเอกชนต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่เริ่มมีการปลูกฝังค่านิยม ESG ให้กับพนักงานในองค์กร และการจัดโครงการต่าง ๆ เช่น การไปเรียนรู้แหล่งพื้นที่ทางธรรมชาติ และชุมชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กร เป็นต้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิธีการช่วยรักษา และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
ถ้าหากว่าคุณคือคนที่เห็นด้วยกับนโยบายการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม และอยากที่จะสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ที่คอยช่วยดูแลระบบนิเวศ พร้อม ๆ กับการต่อยอดเงินของตัวเองให้งอกเงยไปพร้อมๆ กัน การลงทุนกับกองทุน “ThaiESG" คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถช่วยตอบโจทย์เหล่านี้ได้
เพราะกองทุน ThaiESG หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนนั้น คือกองทุนลดหย่อนภาษี ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ESG หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว กับธุรกิจหัวใจสีเขียวในตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสนใจ
มุมมองการลงทุนตลาดหุ้นไทย
- หุ้นไทย ภาพรวมดัชนี SET กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากการได้อานิสงส์ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ จากทางรัฐบาล ซึ่งสังเกตได้จากเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของดัชนีในรอบ 3 เดือนล่าสุด ที่ได้เพิ่มมากขึ้นถึง 10.30% (ข้อมูลจาก set.or.th ณ วันที่ 27 ก.ย. 2567) เลยทีเดียว
- ตราสารหนี้ไทย ที่อาจได้รับประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท. ในอนาคต ซึ่งก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี? เพราะทั่วโลกนั้นได้เริ่มเข้าสู่เทรนด์ดอกเบี้ยขาลง จากการที่ Fed ได้ประกาศลดดอกเบี้ย เมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา
และถ้าหากใครที่สนใจ อยากจะเริ่มลงทุนกับกองทุน ThaiESG ตั้งแต่นาทีนี้ KAsset มี 2 ตัวเลือกกองทุนมาให้เลือก คือ
“K-ESGSI-ThaiESG" เน้นลงทุนในตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน
“K-TNZ-ThaiESG" เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
โดยนักลงทุน สามารถเลือกลงทุนได้เลยที่ แอปฯ K-My Funds เริ่มเพียง 500 บาทเท่านั้น
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2567
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
วิกฤตสภาพอากาศ แผนพลังงานชาติต้องปรับ? >>Click
โลกร้อนขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศ อย่างไร? >>Click
เป้าหมาย Net Zero ไทย ไม่ไกลเกินเอื้อม >>Click
ได้เวลาลงทุนด้าน Climate Change >> Click
ขยะอาหาร (Food Waste) ปัญหาที่ถูกมองข้าม ของไทย? >> Click