ทำไม? อากาศร้อนระอุ จนเราแทบทนไม่ไหว
ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ นี่คือสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ ที่กำลังเอาคืนพวกเราทุกคน !!
เพราะตอนนี้โลกของเรากำลังทวีคูณความร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่พฤษภาคม 2566 จนถึงเมษายน 2567) ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงกว่าระดับก่อนปฏิวัติยุคอุตสาหกรรมที่ 1.61°C และสูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2534-2563 ถึง 0.7°C
โลกร้อนส่งผลต่อระบบนิเวศ
ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เราต้องพบเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ฤดูกาลต่างๆ เปลี่ยนไป แถมยังส่งผลต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างเราด้วยเช่นกัน
เช่น ปะการังเกิดการฟอกขาว ทำให้ระบบนิเวศทางทะเลเสียสมดุล สัตว์ทะเลหลายชนิดตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และแหล่งผลิตอาหารทางธรรมชาติก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง จนส่งผลต่อความมั่นคงของมนุษยชาตินั่นเอง
ทะเลไทยเสียสมดุล เกิดปัญหาปะการังฟอกขาว
ซึ่งปัจจุบันไทยกำลังเผชิญหน้ากับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน ล่าสุดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็ได้พบปะการังฟอกขาวในเขตอุทยานฯ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน 12 แห่ง ยังไม่นับรวมกับที่จังหวัดตราด ที่ก็พบปะการังเข้าสู่การฟอกขาวแล้วเช่นกัน
เราจะช่วย แก้ไขโลกร้อน ได้อย่างไร ?
หนึ่งในวิธีที่จะช่วยชะลออุณหภูมิโลกไม่ให้สูงมากไปกว่านี้ก็คือ “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"
ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้กันว่า การหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวันนี้ อาจไม่ได้ช่วยให้โลกหายร้อนขึ้นทันตาเห็น เพราะความร้อนที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นได้ถูกสะสมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
แต่อย่างน้อย ก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีในการลดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น เพื่อส่งต่อสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป
แล้ว…การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำได้อย่างไร ?
เราสามารถแก้เกมโลกเดือดนี้ ผ่านการลงทุนได้จริงหรือไม่ ?

การที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ เราต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้เห็นผลในวงกว้าง เช่น การช่วยประหยัดไฟ การลดปริมาณขยะ เลือกนำมา Reuse ให้ได้มากที่สุด เป็นต้น นอกจากนี้การลงทุนก็ยังมีส่วนช่วยลดโลกร้อนได้ ด้วยการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ตระหนักถึงปัญหานี้ และมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ก็จะช่วยโลกให้ดีขึ้นได้นั่นเอง
อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตจากการลงทุนระยะยาว ซึ่งมาจากการที่คนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญ และไม่ละเลยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงยังหันมาเลือกใช้สินค้าและบริการที่ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนอีกด้วย
กองทุน ESG แนะนำจาก บลจ.กสิกรไทย
เน้นลงทุนหุ้นไทย ที่มีเป้าหมายในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ที่มาพร้อมกับโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ให้ใกล้เคียงดัชนี SET100 เป็นหลัก
เพื่อสะสมมูลค่า K-TNZ-A(A) รายละเอียด >Click<
เพื่อเซฟภาษี K-TNZ-ThaiESG รายละเอียด >Click<
เน้นลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Investment) ตามแนวคิด ESG และมีโอกาสเติบโต เช่น Tesla เพิ่มกำลังการผลิตและสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่าเป้าหมาย และ TSMC ผลิตและส่งออกชิปสู่อุตสาหกรรมไอทีทั่วโลก
เพื่อสะสมมูลค่า K-CHANGE-A(A) รายละเอียด >Click<
เพื่อเซฟภาษี K-CHANGE-SFF และ RMF รายละเอียด >Click<
กองทุนแรกในไทย ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน และที่สำคัญมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเน้นใน 3 ธีมหลักได้แก่ พลังงาน พื้นดิน-มหาสมุทร และวัสดุ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือช่วยลดปัญหา Climate Change
เพื่อสะสมมูลค่า K-PLANET-A(A) รายละเอียด >Click<
เพื่อเซฟภาษี K-PLANET-RMF รายละเอียด >Click<
สำหรับใครที่สนใจ ในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทน และช่วยเซฟโลกอย่างยั่งยืน ก็สามารถเริ่มลงทุนได้เลย ที่แอปฯ K-My Funds
คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 2567
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมาย Net Zero ไทย ไม่ไกลเกินเอื้อม >>Click
ได้เวลาลงทุนด้าน Climate Change >> Click
โลกร้อนหลบไป โลกเดือดกำลังเข้ามาแทน >> Click
จัดสรรเงินโบนัสก้อนใหญ่ อย่างไร? >>Click