10/4/2023

เลือกกองทุน Core Portfolio อย่างไร? …ให้ได้ผลตอบแทนโดนใจ​

สำหรับตอนนี้ จะเป็นตอนที่ 2 ของซีรีย์ “การจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite Portfolio” โดยในตอนแรก เราได้ปูพื้นฐานของ การจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite Portfolio ไปให้นักลงทุนได้เริ่มเรียนรู้บ้างแล้ว

โดยในตอนที่ 2 นี้ เราจะเล่าถึงหลักการเลือกกองทุนที่จะเข้ามาอยู่ใน Core Portfolio ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะเป็นหัวใจที่กำหนดผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน เนื่องจาก Core Portfolio จะมีน้ำหนักถึง 70-80% เลยทีเดียว

นั่นแปลว่า…….

"ผลตอบแทนของพอร์ต Core- Satellite จะถูกกำหนดโดย Core Port เป็นส่วนใหญ่ 
กองทุนที่อยู่ใน Core Portfolio นี้เอง ที่จะเป็นตัวชี้เป็น ชี้ตาย ผลตอบแทนของพอร์ตโดยรวม"

ดังนั้น Core Portfolio ควรจะประกอบไปด้วยกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ในขณะเดียวกัน การลงทุนในส่วน Core Portfolio ก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยง และลดความเสี่ยงขาลงของพอร์ตด้วย

คำแนะนำการลงทุน
KAsset ขอแนะนำว่า “หากท่านที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจจะพิจารณาเลือกกองทุนผสม เช่น K-PLAN2, K-PLAN3​ 
หรือ กลุ่มกองทุน Wealth PLUS ที่เป็นกองทุนที่กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก ทั้งในและต่างประเทศสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงของท่าน”

สำหรับกลุ่มกองทุน Wealth PLUS เป็นกลุ่มกองทุนผสมที่จัดพอร์ตสำเร็จรูป ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมของ บลจ.กสิกรไทย จำนวน 2 กองทุนขึ้นไป โดยมีให้เลือก 5 กองทุน ได้แก่ WP-LIGHT, WP-BALANCED, WP-SPARK, WP-SPEEDUP และ WP-ULTIMATE เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทน และระดับความเสี่ยงที่รับได้ที่ต่างกัน โดยมีให้เลือกตั้งแต่ความผันผวนต่ำไปจนถึงความผันผวนสูง

หากท่านต้องการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนรายประเทศ ก็ควรเลือกประเทศที่มีกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงประเทศที่มีการขึ้นลงของตลาดหุ้นเป็นวัฏจักร หรือหลีกเลี่ยงประเทศที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ตัวอย่างประเทศที่สามารถลงทุนใน Core Portfolio ได้ก็คือ สหรัฐฯ ที่มีกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตมาตลอด 10 ปี 

รูปตัวอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไร 

messageImage_1696323608230.jpg


จะเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio ได้ เพราะว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้น มีกำไรที่เติบโตของบริษัทจดทะเบียนเป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้นเราควรมองหาตลาดที่เติบโตเช่นนี้ เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio เพื่อให้เราได้รับผลตอบแทนระยะยาวที่ดี

อีกกองทุนหนึ่งที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio ได้คือ กองทุน K-HIT  
เนื่องจากกองทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนได้ถึง 5-7 ธีมทั่วโลก โดยมีการลงทุนกว่า 150-200 ตัวในพอร์ต 

K-PLAN ,K-PLAN2 , K-PLAN3, K-SF,K-SF-A,K-SF-SSF, K-GINCOME, K-GINCOME-A(A), K-GINCOME-A(R), K-GINCOME-SSF, K-GINCOME-RMF, กองทุนแนะนำ, กองทุนผลตอบแทนดี, กองทุนรวม, กองทุนรวม ตัวไหนดี , กองทุน กสิกร 
​ดังนั้น ผลตอบแทนของ K-HIT จะมีการเคลื่อนไหวคล้ายการลงทุนในหุ้นโลก ในขณะเดียวกันก็ไม่พลาดการเติบโตไปพร้อมกับเมกะเทรนด์ของโลก โดยจะมีการเปลี่ยนธีมอย่างน้อย 1-3 ธีมในทุก ๆ ปี เพื่อให้ทันต่อเทรนด์ใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย 
คุณมทินา วัชรวราทร,CFA, Head of Investment Strategy 
ข้อมูล ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
จัดพอร์ตลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio​​ >>Click​
เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย​ >>Click
สรุปสัญญาณ จากประชุม Politburo ของจีน​​ >>Click​
GDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>Click​​

K-PLAN ,K-PLAN2 , K-PLAN3, K-SF,K-SF-A,K-SF-SSF, K-GINCOME, K-GINCOME-A(A), K-GINCOME-A(R), K-GINCOME-SSF, K-GINCOME-RMF, กองทุนแนะนำ, กองทุนผลตอบแทนดี, กองทุนรวม, กองทุนรวม ตัวไหนดี , กองทุน กสิกร 
 
Yes
10/4/2023
0