https://192.168.19.136:2583/SiteCollectionImages/2023/Market%20tigger/09-Core-Satellite-Portfolio_BN.jpg
สำหรับตอนนี้ จะเป็นตอนที่ 2 ของซีรีย์ “การจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite Portfolio” โดยในตอนแรก เราได้ปูพื้นฐานของ การจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite Portfolio ไปให้นักลงทุนได้เริ่มเรียนรู้บ้างแล้ว
โดยในตอนที่ 2 นี้ เราจะเล่าถึงหลักการเลือกกองทุนที่จะเข้ามาอยู่ใน Core Portfolio ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะเป็นหัวใจที่กำหนดผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน เนื่องจาก Core Portfolio จะมีน้ำหนักถึง 70-80% เลยทีเดียว
นั่นแปลว่า…….
"ผลตอบแทนของพอร์ต Core- Satellite จะถูกกำหนดโดย Core Port เป็นส่วนใหญ่
กองทุนที่อยู่ใน Core Portfolio นี้เอง ที่จะเป็นตัวชี้เป็น ชี้ตาย ผลตอบแทนของพอร์ตโดยรวม"
ดังนั้น Core Portfolio ควรจะประกอบไปด้วยกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ในขณะเดียวกัน การลงทุนในส่วน Core Portfolio ก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยง และลดความเสี่ยงขาลงของพอร์ตด้วย
คำแนะนำการลงทุน
KAsset ขอแนะนำว่า “หากท่านที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจจะพิจารณาเลือกกองทุนผสม เช่น
K-PLAN2,
K-PLAN3 หรือ กลุ่มกองทุน Wealth PLUS ที่เป็นกองทุนที่กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก ทั้งในและต่างประเทศสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงของท่าน”
สำหรับกลุ่มกองทุน Wealth PLUS เป็นกลุ่มกองทุนผสมที่จัดพอร์ตสำเร็จรูป ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมของ บลจ.กสิกรไทย จำนวน 2 กองทุนขึ้นไป โดยมีให้เลือก 5 กองทุน ได้แก่ WP-LIGHT, WP-BALANCED, WP-SPARK, WP-SPEEDUP และ WP-ULTIMATE เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทน และระดับความเสี่ยงที่รับได้ที่ต่างกัน โดยมีให้เลือกตั้งแต่ความผันผวนต่ำไปจนถึงความผันผวนสูง
หากท่านต้องการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนรายประเทศ ก็ควรเลือกประเทศที่มีกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงประเทศที่มีการขึ้นลงของตลาดหุ้นเป็นวัฏจักร หรือหลีกเลี่ยงประเทศที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ตัวอย่างประเทศที่สามารถลงทุนใน Core Portfolio ได้ก็คือ สหรัฐฯ ที่มีกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตมาตลอด 10 ปี
รูปตัวอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไร
จะเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio ได้ เพราะว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้น มีกำไรที่เติบโตของบริษัทจดทะเบียนเป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้นเราควรมองหาตลาดที่เติบโตเช่นนี้ เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio เพื่อให้เราได้รับผลตอบแทนระยะยาวที่ดี
อีกกองทุนหนึ่งที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Core Portfolio ได้คือ กองทุน K-HIT เนื่องจากกองทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนได้ถึง 5-7 ธีมทั่วโลก โดยมีการลงทุนกว่า 150-200 ตัวในพอร์ต
ดังนั้น ผลตอบแทนของ
K-HIT จะมีการเคลื่อนไหวคล้ายการลงทุนในหุ้นโลก ในขณะเดียวกันก็ไม่พลาดการเติบโตไปพร้อมกับเมกะเทรนด์ของโลก โดยจะมีการเปลี่ยนธีมอย่างน้อย 1-3 ธีมในทุก ๆ ปี เพื่อให้ทันต่อเทรนด์ใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
บทความโดย
คุณมทินา วัชรวราทร,CFA, Head of Investment Strategy
ข้อมูล ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2023
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
จัดพอร์ตลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio >>
Clickเมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย >>
Clickสรุปสัญญาณ จากประชุม Politburo ของจีน >>
ClickGDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>
Click