เทคนิคลงทุนเพื่อการเกษียณ ง่ายๆครบจบในที่เดียว ด้วย De-Risking Portfolio
1. ลงทุนอย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมปรับลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงลง เมื่อขยับเข้าใกล้ปีเกษียณ
ในช่วงปีแรกๆของการลงทุน จะเป็นช่วงสร้างความมั่งคั่ง โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น เพื่อโอกาสในการเติบโตเงินลงทุน
และในปีหลังๆเมื่อใกล้ถึงช่วงเกษียณของผู้ลงทุน จะเป็นช่วงปกป้องเงินลงทุนที่สร้างมา โดยจะปรับลดสัดส่วนของหุ้นลง มาเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยลง เช่น ตราสารหนี้
โดยกลไกการปรับลดสัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงลงเมื่อระยะเวลาผ่านไปนั้น เรียกว่าการทำ Glide Path ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความผันผวนของกองทุนและลดความเสี่ยงในการขาดทุนเมื่อเข้าใกล้วัยเกษียณ
Chart 1: กลไกการปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้อัตโนมัติตามช่วงอายุ (Glide Path) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต เมื่อเข้าใกล้วันเกษียณอายุ
ที่มา: Capital Group
2. ปรับลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น
เมื่อนักลงทุนมีระดับการรับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป เช่น เมื่อเข้าใกล้วัยเกษียณอายุ นักลงทุนจะสามารถรับความเสี่ยงได้น้อยลง เหลือเวลาออมเงินลดลง และอยากรักษาความมั่นคงให้กับเงินต้นมากขึ้น
ดังนั้นการปรับสัดส่วนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ เช่น ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น (สินทรัพย์เสี่ยง) ลง เมื่อเข้าใกล้ปีที่เกษียณอายุ พร้อมคัดเลือกหุ้นและตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงน้อยลง เพื่อเป้าหมายในการรักษาเงินลงทุนเพื่อการเกษียณ จึงมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของพอร์ตการลงทุน
ตัวอย่างกราฟด้านล่าง แสดงการเปรียบเทียบระหว่างพอร์ตการลงทุน โดยสมมุติให้
1. Static Portfolio: ลงทุนในหุ้น 80% และตราสารหนี้ 20% ตลอดระยะเวลา 15 ปี
2. De-risking Portfolio: ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกันสัดส่วนเท่ากันในช่วงเริ่มแรก แต่จะถูกลดสัดส่วนในสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อเวลาผ่านไป ตลอดระยะเวลา 15 ปี
"จะเห็นได้ว่าในสภาวะที่ตลาดย่ำแย่ เช่น วิกฤตการเงินโลก (The Global Financial Crisis) ในปี 2007 ถึง 2009 พอร์ตการลงทุนแบบ De-risking จะปรับตัวลงน้อยกว่าและสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่าพอร์ตการลงทุนแบบ Static เกือบ 30%"
Chart 2 : การเติบโตของพอร์ตการลงทุน (เงินลงทุน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 15 ปี)
ที่มา: Capital Group และ RIMES.ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 2537 ถึง 28 ก.พ. 2552)
3. KAsset ร่วมบริหารกับ Capital Group ซึ่งเป็น บลจ. ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกทางด้านการบริหารกองทุน Target Date
“Capital Group” คือบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก ที่มีชื่อเสียงมายาวนานมากกว่า 90 ปี มีความเชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์และโดดเด่นทางด้านการบริหารกองทุน Target Date และเป็นกองทุน Target Date ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ (Active Target Date Fund ที่มา: Capital Group, Morningstar, Sway Research LLC ณ 30 มิ.ย. 2566) และมีผลการดำเนินงานดีในทุกช่วง ทั้งในช่วง 3 ปี 5 ปี และ 10 ปี (ที่มา: Capital Group และ Morningstar ณ 30 มิ.ย. 2566)
ด้วยทีมบริหารจัดการกองทุนมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญ ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน และอาศัยโครงข่ายของนักวิเคราะห์ที่มีทั่วโลก เพื่อคัดเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากเลือกลงทุนกับกองทุน
K2035RMF และ
K2040RMF จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด พร้อมปรับลดความเสี่ยงของพอร์ตให้อัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้วันเกษียณอายุ
กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2023
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
อัปเดตวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน …เกิดอะไรขึ้น? >>
Clickเมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย >>
Clickสรุปสัญญาณ จากประชุม Politburo ของจีน >>
ClickGDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>
Click