2/16/2023

เลข CPI ปรับตัวสูงกว่าคาดการณ์ นักลงทุนต้องวางแผนปรับพอร์ตอย่างไร?​

​​
HIGHLIGHTS :
• เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ม.ค. ชะลอตัว แต่สูงกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P 500 และ Dow Jones ปิดลบ
• KAsset ประเมิน Fed จะคงดอกเบี้ยระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะ เป็นปัจจัยกดดันกำไรบริษัท
• สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำ การลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ แนะนำให้ชะลอการลงทุนออกไป เพื่อรอดูสัญญาณที่ชัดเจนจาก Fed ในการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย

เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ม.ค. ชะลอตัว แต่สูงกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น

ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 6.4% (เทียบรายปี) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 6.2% แต่ลดลงจาก 6.5% ในเดือน ธ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานที่ปรับตัวขึ้น 5.6% (เทียบรายปี) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่ระดับ 5.5% แต่ลดลงจาก 5.7% ในเดือน ธ.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขที่ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนปรับเพิ่มมุมมองต่อ Terminal Rate โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้นักลงทุนคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ (มี.ค. พ.ค. และมิ.ย.) สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25 - 5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดที่อัตรา 0.25% ในเดือนธ.ค. ซึ่งต่างจากมุมมองก่อนหน้าที่มองว่าจะปรับขึ้นอีกเพียง 1 - 2 ครั้ง และ Terminal Rate จะจบที่ประมาณ 5%  

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน

ดัชนี S&P 500 ปิดลบ -0.03% ดัชนี Dow Jones -0.46% ขณะที่ดัชนี Nasdaq +0.57% (14 ก.พ.) และในวันนี้ (15 ก.พ.) ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากความกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดอาจจะผลักดันให้ Fed เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


KAsset ประเมิน Fed จะคงดอกเบี้ยระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะ เป็นปัจจัยกดดันกำไรบริษัท

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดมองโอกาสที่สหรัฐฯ จะเกิดเศรษฐกิจภาวะถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้าลดลง (61% ลดลงจาก 63% จากการ survey โดย WSJ เมื่อเดือน ต.ค. 2022) 

และยังช่วยเสริมมุมมองของ KAsset ที่ว่า Fed ต้องมีการ “คงดอกเบี้ยระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง” ประกอบกับการให้แนวโน้มธุรกิจสำหรับปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้น เช่น ลดค่าใช้จ่าย ลดการจ้างงาน ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) น่าจะยังกดดันคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคต


คำแนะนำการลงทุน 

สำหรับกองทุนหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำ : แนะนำชะลอการลงทุนออกไป 
เพื่อรอดูสัญญาณที่ชัดเจนจาก Fed ในการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่กำลังทยอยออกมา ซึ่งไม่ได้ดูสดใสมาก (ประกาศออกมาแล้ว 69% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ทั้งหมด) โดยบริษัทที่รายงานออกมารวมๆแล้วมีกำไรดีกว่าคาดแค่ 1.1% ซึ่งนับว่าต่ำสุดตั้งแต่ปี 2008 และหากตอนสิ้นช่วงประกาศผลประกอบการ อัตราการเติบโตของกำไรยังอยู่ในระดับที่ประกาศออกมาแล้วนั้น ไตรมาสที่ 4/2022 จะเป็นไตรมาสแรกที่ผลกำไรลดลง (year-over-year) ตั้งแต่ไตรมาส 3/2020 (ที่มา: Factset Earnings Insight 10 ก.พ. 2023) 

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง : สามารถถือหน่วยลงทุนต่อ หรืออาจทยอยสะสมสำหรับการถือระยะยาว เนื่องจาก valuation ปัจจุบันที่ลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปี 

สำหรับกองทุนรวมอื่นๆ : แนะนำให้กระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนหลายสินทรัพย์
ความผันผวนยังมีอยู่ แนะนำให้กระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนหลายสินทรัพย์ ที่มีผู้จัดการกองทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้ ผ่านกองทุนผสมที่กระจายการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก (K-GINCOME) หรือ กองทุนผสมที่มีการลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ (K-PLAN2, K-PLAN3) 

หมายเหตุ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน


บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 16 ก.พ. 2566


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 

สินทรัพย์เสี่ยงตอบรับ หลังประชุม Fed >>Click

ข่าวดีรับตรุษจีน เศรษฐกิจเติบโตสดใส >>Click

ความขัดแย้งรอบใหม่ หุ้น USA เอาไงต่อ >>Click





Yes
2/16/2023