2/9/2023

ความขัดแย้งจีน-สหรัฐฯรอบใหม่ หุ้น USA ควรไปต่อ …หรือพอก่อน?

​​​​​​​​​​​​HIGHLIGHTS :
• ความขัดแย้งเรื่อง Spy Balloon สั่นคลอนความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯกับจีนอีกครั้ง  
• เหตุการณ์ดังกล่าวอาจกระทบ Sentiment ตลาดในช่วงสั้นเท่านั้น
• สำหรับหุ้นสหรัฐฯ สามาถถือต่อได้ ส่วนหุ้นจีนเข้าลงทุนได้ ​

Spy Balloon สั่นคลอนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน 

ประเด็นร้อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นเรื่องบอลลูนสอดแนม (Spy Balloon) ซึ่งแม้จีนจะไม้ได้ยอมรับที่สหรัฐฯกล่าวหาว่าเป็นการสอดแนมการเคลื่อนไหวทางการทหาร โดยบอกว่าเป็นบอลลูนพลเรือนที่ใช้สำหรับวิจัยทางอุตุนิยมวิทยาเท่านั้น และการที่ลอยเข้าไปยังน่านฟ้าสหรัฐฯนั้นเกิดเพราะเหตุสุดวิสัย แต่ทางสหรัฐฯเองก็ได้ตอบโต้ด้วยการยกเลิกแผนเดินทางเยือนจีนของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นับเป็นการสั่นคลอนความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯกับจีนอีกครั้ง หลังจากที่นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาสหรัฐฯเดินทางเยือนไต้หวันในช่วงส.ค.ปีที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับจีนเป็นอย่างมาก

KAsset มองอาจกระทบ Sentiment ตลาดในช่วงสั้นเท่านั้น
บลจ.กสิกรไทย มองผลกระทบต่อการลงทุนของประเด็นนี้ อาจกระทบ sentiment ตลาดหุ้นในช่วงสั้นเท่านั้น ในมุมของทั้งสหรัฐฯและจีนในเวลานี้อยากที่จะโฟกัสกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การทำสงครามการค้าอาจยิ่งทำให้ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯทวีความรุนแรง ขณะที่ฝั่งจีนยังคงต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้า แต่ก็ต้องจับตาดูทีท่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ อย่างใกล้ชิดต่อไป 

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ถือ กองทุนหุ้นสหรัฐฯ
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำ: แนะนำชะลอการลงทุนออกไปก่อน 
เพื่อรอดูสัญญาณที่ชัดเจนจาก Fed ในการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่กำลังทยอยออกมา ซึ่งไม่ได้ดูสดใสมาก (ประกาศออกมาแล้ว 50% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ทั้งหมด) 

โดยเฉพาะกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาดของกลุ่มเทค (Negative EPS Surprise) และบริษัทที่รายงานออกมารวมๆแล้วมีกำไรดีกว่าคาดแค่ 0.6% ซึ่งนับว่าต่ำสุดตั้งแต่ปี 2008 และหากตอนสิ้นช่วงประกาศผลประกอบการ อัตราการเติบโตของกำไรยังอยู่ในระดับที่ประกาศออกมาแล้วนั้น ไตรมาสที่ 4/2022 จะเป็นไตรมาสแรกที่ผลกำไรลดลง (year-over-year) ตั้งแต่ไตรมาส 3/2020 (ที่มา: Factset Earnings Insight 3 ก.พ. 2023) 

pic1.jpg

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง : สามารถถือหน่วยลงทุนต่อ หรืออาจทยอยสะสมสำหรับการถือระยะยาว 
เนื่องจาก valuation ปัจจุบัน (PE 19.6x) ที่ลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปี (PE 20.1x)

คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจ กองทุนหุ้นจีน
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง : สามารถเข้าลงทุนใน K-CHX, K-CHINA และ K-CCTV ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน

แม้ในช่วงสั้นจะเห็นการย่อตัวของดัชนีหุ้นจีน H-shares แต่น่าจะเป็นเพียงการขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า โดยการลงทุนในจีนยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศ เห็นการฟื้นตัวภาคผลิตและบริการที่ชัดเจน 

นอกจากนี้ เงินเก็บของชาวจีนที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 17.8 ล้านล้านหยวน สะท้อนว่าหากความเชื่อมั่นกลับมาเต็มที่ การบริโภคของชาวจีนจะฟื้นตัวได้แรง ซึ่งสวนทางกับเงินเก็บของชาวสหรัฐฯที่ลดลง

pic2.jpg


คำแนะนำสำหรับ ผู้ที่ยังมีความกังวลต่อความผันผวนในระยะสั้น
กองทุนผสม : K-GINCOME, K-PLAN2, K-PLAN3
หากยังมีความกังวลต่อความผันผวนอยู่ สามารถลงทุนในกองทุนผสมที่มีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และหุ้น

ตราสารหนี้ : K-SF (ลงทุน 3 เดือนขึ้นไป), K-SFPLUS (ลงทุน 6 เดือนขึ้นไป) 
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงิน ระหว่างรอจังหวะเข้าซื้อ โดยการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นจะได้ประโยชน์ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น จากตราสารที่ครบกำหนดจะนำไปลงทุนต่อที่อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น


มายเหตุ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2566


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
สินทรัพย์เสี่ยงตอบรับ หลังประชุม Fed​ >>Click
ข่าวดีรับตรุษจีน เศรษฐกิจเติบโตสดใส​​ >>Click
สรุปเทรนด์การลงทุน ปี 2023 >>Click​
Yes
2/9/2023