6/30/2023

ถ้าหุ้นอินเดีย คือ อนาคต …แล้วปัจจุบันต้องลงทุน อย่างไร? 

HIGHLIGHTS :
• Ray Dalio เจ้าของกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า เขามองเห็นโอกาสการลงทุนในอินเดียที่มีอย่างมหาศาล 
• Fitch ปรับเพิ่ม GDP ของปีงบประมาณ FY23-24 เป็น 6.3%
• Bloomberg มองไตรมาส 2อินเดียจะโตทั้งปีที่ 7% ซึ่งถือว่าแทบจะสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศหลักๆในเอเชีย
• KAsset มองหุ้นอินเดียยังถือว่ามีความสำคัญในแง่การจัดพอร์ต จากพลังการบริโภคที่มหาศาล และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี แต่ระยะสั้นราคาหุ้นยังแพง แนะนำให้รอจังหวะที่ตลาดปรับฐาน แล้วทยอยเข้าสะสมเพิ่ม

เอเชียเป็นภูมิภาคที่ KAsset ให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าภูมิภาคอื่น จากโครงสร้างของประเทศ และโครงสร้างประชากร ทำให้เอเชียมีแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงกว่าภูมิภาคอื่น

ซึ่ง “อินเดีย” ก็เป็นหนึ่งนั้น โดยล่าสุด Ray Dalio เจ้าของกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Bridgewater Associates ก็ได้ออกมาพูดว่าเขาเห็นโอกาสการลงทุนในอินเดียที่มีอย่างมหาศาล และอินเดียจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก​

อินเดียส่งสัญญาณพร้อมยกระดับความสันพันธ์กับสหรัฐฯ 
นอกจากนี้ การเยือนสหรัฐฯของนายโมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการเข้าพบทั้งนายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ผู้บริหารบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่ อย่าง Apple, Microsoft และ Google เป็นการส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่า ทั้ง 2 ประเทศพร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ซึ่งอินเดียเองก็มีเมืองบังกาลอร์ ที่ได้ฉายาว่า Silicon Valley India  โดยหลังจากการเข้าพบกัน Amazon ก็ได้ประกาศว่าจะลงทุนเพิ่มในอินเดีย และทำให้เงินลงทุนในอินเดียสูงถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 

มุมมองต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นอินเดีย
เริ่มเห็นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการ GDP ขึ้น ล่าสุด Fitch ปรับเพิ่ม GDP ของปีงบประมาณ FY23-24 เป็น 6.3% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6% ด้าน Bloomberg มองไตรมาส 2 นี้จะโต 6.9% และทั้งปีจะอยู่ที่ 7% ซึ่งถือว่าแทบจะสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศหลักๆในเอเชีย ด้านอัตราเงินเฟ้อก็ได้ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในเดือน พ.ค. อยู่ที่ระดับ 4.25% ใกล้เคียงกับกรอบล่างที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) กำหนดไว้ที่ 4% 

โดยตัวเลขที่ชะลอลงนั้น จะทำให้ RBI มีแนวโน้มจะหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ นอกจากนี้ ความเสี่ยงในเรื่องการขาดดุลการค้าจากความจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมัน ก็ได้ลดลงจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับลง และมีการคาดการณ์ว่าดุลการค้าจะสามารถกลับมาเป็นการเกินดุลได้ รวมถึงทุนสำรองระหว่างประเทศของอินเดียที่อยู่ในระดับที่สูง จะทำให้ค่าเงินของอินเดียมีเสถียรภาพมากขึ้น ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

ขณะที่ความเสี่ยงสำหรับหุ้นอินเดีย ยังคงเป็นเรื่องราคาที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง และ Earnings Yield Gap ที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากพันธบัตรของรัฐบาลอินเดียสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน ทำให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอาจดูไม่น่าจูงใจมากนัก  ​

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กสิกรไทย
KAsset มีมุมมอง Neutral สำหรับการลงทุนในหุ้นอินเดีย และเห็นว่าตลาดหุ้นอินเดียยังถือว่ามีความสำคัญในแง่การจัดพอร์ต ในระยะยาว เรามองว่าเศรษฐกิจจะยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่ดี จากพลังการบริโภคมหาศาลในภูมิภาค (ประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของโลก) และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี  

“แต่ในระยะสั้น หากพิจารณาจากราคาหุ้น ถือว่า หุ้นอินเดียราคาค่อนข้างแพงกว่าประเทศอื่น และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต KAsset จึงแนะนำให้รอจังหวะที่ตลาดปรับฐาน แล้วทยอยเข้าสะสมเพิ่ม” 

หมายเหตุ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย คุณมทินา วัชรวราทร, CFA, Head of Investment Management Strategy​ บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
มุมมองการลงทุน หลังเลือกตั้ง พ.ค. 2566 >>Click
กองทุน LTF ครบกำหนด ..ทำอย่างไรดี ? >>Click
หุ้นเวียดนาม ...โอกาส หรือความเสี่ยง? >>Click​​
จีนวางแผนเศรษฐกิจ สู่ชาติมหาอำนาจ >>Click​

Yes
6/30/2023
0