HIGHLIGHTS :
• GDP ไทย ไตรมาส 2/2566 ขยายตัวต่ำกว่าคาด โตเพียง +1.8% ผลจากการส่งออกที่อ่อนแอเป็นหลัก
• การบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยว จะเป็นปัจจัยหลักหนุนเศรษฐกิจไทยปีนี้
• KAsset ยังคงเป้า SET Index สิ้นปีนี้ที่ 1,650 จุด ปัจจัยทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้
• คงคำแนะนำเป็น Neutral ทยอยสะสมได้ แนะนำสัดส่วน 5-10% ของพอร์ตการลงทุน
GDP ไทย ไตรมาส 2/2566 ขยายตัวต่ำกว่าคาด
สภาพัฒน์เปิดเผย GDP ไทยไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 1.8% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะโต 3% (เทียบรายปี) และชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสที่ 1/2566 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวได้ 2.2% โดยเป็นผลมาจากการส่งออกเป็นหลัก ที่ในไตรมาส 2 หดตัวถึง 5.7%
นอกจากนี้ สภาพัฒน์ยังปรับลดประมาณการ GDP ในปีนี้ลงเหลือ 2.5-3.0% (จากเดิม 2.7-3.7%) โดยมีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวอย่างต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส ของการส่งออกไทย ซึ่งมีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ โดยสภาพัฒน์ยังได้ปรับลดประมาณการส่งออกไทยในปีนี้เป็น -1.8% จากเดิมคาดไว้ที่ -1.6% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ มีการปรับประมาณการลงมาเช่นเดียวกันที่ 1.7-2.2% (จากเดิม 2.5-3.5%) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
การบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยว จะเป็นปัจจัยหลักหนุนเศรษฐกิจไทยปีนี้
สภาพัฒน์ มองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยในปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 28 ล้านคนเท่ากับประมาณการเดิม อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในปีนี้ ได้แก่
1.เงื่อนไขทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจ
2.เศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากกว่าคาด และความผันผวนในตลาดการเงินโลก
3.ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจ ที่ยังอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และ
4.ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร
มุมมองการลงทุนตลาดหุ้นไทย
การชะลอตัวลงมากกว่าคาดของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 นับเป็นความท้าทายของรัฐบาลใหม่ในการเร่งผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ไปจนถึงปีหน้า ท่ามกลางแรงกดดันหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกว่าคาด และเศรษฐกิจจีนยังไม่กลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่ ประกอบกับแนวโน้มเงินเฟ้อของไทยในระยะถัดไปที่อาจเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะกดดันการบริโภคภาคเอกชน
ทั้งนี้ KAsset ยังคงเป้า SET Index สิ้นปีนี้ที่ 1,650 จุด จากปัจจัยทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และคาดว่ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทย จึงคาดหวังที่จะเห็นมาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเน้นที่การเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน การบริโภคภายในประเทศ การส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ คงคำแนะนำเป็น Neutral ทยอยสะสมได้ แนะนำสัดส่วน 5-10% ของพอร์ตการลงทุน