8/17/2023

หุ้น USA กำลังกลับมา? จากตัวเลขเศรษฐกิจและกำไรบริษัทฯ ไตรมาส 2/66​

HIGHLIGHTS: 
• กำไรบริษัทฯในสหรัฐฯ Q2/2023 แม้จะชะลอ แต่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์
• เศรษฐกิจภาพรวมดูดี นักวิเคราะห์เริ่มทยอยปรับประมาณการกำไรของ Q3/2023 เพิ่มขึ้น
• เทรนด์หลักจากการประกาศงบฯใน Q2/2023 ยังคงเป็นเรื่อง AI
• KAsset มีมุมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ (Slightly Positive) แนะนำ K-USA เข้าลงทุนได้เลย และ K-USXNDQ เข้าลงทุนเมื่อจังหวะตลาดย่อ 

กำไรบริษัทของไตรมาส 2 แม้จะชะลอ แต่ดีกว่าตลาดคาด

ฤดูกาลการประกาศผลประกอบการบริษัทของตลาดหุ้นสหรัฐฯในไตรมาส 2 กำลังจะสิ้นสุดแล้ว โดย ณ วันที่ 6 สิงหาคม มี 425 บริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานกำไรออกมาแล้ว โดยกำไรของไตรมาส 2 ยังคงชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2022 ประมาณ 
-5.2% แต่นับว่าเป็นเป็นการรายงานกำไรที่ดีกว่าคาด คือมีการชะลอตัวลงน้อยกว่าตลาดคาด ซึ่งที่ผ่านมา เราได้เห็นบริษัทต่างๆ ใช้กลยุทธ์เพื่อเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจที่กำลังจะชะลอตัวลง เช่น การลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นตัวพยุงกำไรในไตรมาสนี้ ไม่ให้แย่เท่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ จากทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม มี 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีรายได้และกำไรเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว โดยกำไรจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และการบริการการสื่อสาร เป็นกลุ่มที่กำไรเติบโตมากที่สุด ขณะที่กลุ่มที่กำไรลดลงจากปีที่แล้ว คือกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง จากราคาสินค้าโภคภัณท์ที่ปรับตัวลง และกลุ่มสุขภาพ 

จากผลประกอบการที่ออกมา เราเชื่อว่าภาคการบริโภคในสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง ประเมินจากงบบริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่รายได้และกำไรออกมามากกว่าที่ตลาดคาด และได้ปัจจัยหนุนจากการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการลงทุน การลดพนักงาน 

ยกตัวอย่าง เช่น Amazon ที่ประกาศงบออกมาดีกว่าคาดอย่างมาก รายได้ของบริษัทจะกลับมาเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก และกำไรที่ดีกว่าคาด จากการพยายามลดค่าใช้จ่าย มีการลดพนักงานถึง 27,000 คน รวมถึงมีการชะลอการลงทุนบางส่วนออกไป


ภาพรวมเศรษฐกิจดูดี นักวิเคราะห์เริ่มทยอยปรับประมาณการกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น

ที่สำคัญคือ หลังจากที่งบของบริษัทต่างๆ ประกาศออกมา นักวิเคราะห์เริ่มทยอยปรับประมาณการกำไรของไตรมาส 3 ขึ้น สะท้อนมุมมองที่ดีกว่าไตรมาส 2 ตัวอย่างเช่น ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ฮาร์ดแวร์ และอิเล็กโทรนิกส์ ถึงแม้ว่าภาพในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ได้สดใสมากนัก แต่การชะลอตัวลงของกำไรที่แย่ที่สุด อาจจะผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาส 2

messageImage_1692255328723.jpg

โดยรวมหลังจากที่ประกาศกำไรออกมาแล้ว Forward 12-month P/E ของ S&P 500 อยู่ที่ 19.4 เท่า มากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 18.6 เท่า และมากกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 17.4 เท่า

messageImage_1692255343607.jpg

โดยปกติแล้ว ความเชื่อมั่นของบริษัทเอกชนและทิศทางของรายได้และกำไร มีความเชื่อมโยงกันค่อนข้างสูง ดูจากดัชนีวัดความเชื่อมั่นบ่งบอกว่าบริษัทเอกชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น บ่งชี้ว่ากำไรในครึ่งปีหลังน่าจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และการชะลอตัวของกำไรที่แย่ที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาส 2

เทรนด์หลักจากการประกาศงบในไตรมาส 2 ยังคงเป็นเรื่อง AI

โดยทาง Goldman Sachs มีการคาดการณ์ว่า AI จะสามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้อีกถึง 7 ล้านล้านเหรียญในอีกสิบปีข้างหน้า และมูลค่าของ Generative AI Software อย่างเดียวจะมีมูลค่าตลาดรวมถึง 1.5 แสนล้านเหรียญ โดยประโยชน์จากการนำ AI มาใช้จะส่งผลกระทบในวงกว้างนอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยี 

ในการประกาศงบและผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯในไตรมาส 2 มีบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีที่สามารถนำ AI ไปใช้ในการเพิ่ม productivity ลดต้นทุน และพัฒนาการประสบการณ์การใช้สินค้าของผู้บริโภค ยกตัวอย่าง เช่น 

• ResMed บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการช่วยหายใจระหว่างนอนหลับ ลดการกรน ก็ใช้ AI และ Machine Learning มาเก็บข้อมูลของคนไข้ และช่วยให้ในการรักษาการนอนดีขึ้น 

• Amgen บริษัท Biotech ผลิตและคิดค้นยาขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ก็กล่าวในการรายงานว่า มีการใช้ AI และ Machine Learning ในห้องวิจัย ทำให้ช่วยเพิ่ม success rate และช่วยลดเวลาการวิจัยด้านชีวภาพ

• Apple มีการนำ AI และ Machine Learning มาใช้กับบริษัททั้ง Ecosystem อยู่แล้ว และมีการนำเอา AI เข้าไปใส่ในผลิตภัณฑ์เช่น ตรวจจับการล้ม การชนของผู้สวมใส่ หรือการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าโดยแอป ECG โดย Apple มองว่า AI มีผลกระทบมหาศาล และจะยังคงนำเอา AI เข้าไปอยู่ในผลิตภัณท์ของ Apple อย่างรอบคอบ

• VISA มีการพัฒนา และใช้ Predictive AI และ Deep learning อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากข้อมูลธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากที่ VISA มี ทำให้สามารถนำมาพัฒนาการให้บริการที่ดีมากขึ้น และทำให้สามารถทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

• ​Microsoft บริษัทที่มีการร่วมลงทุนในบริษัท openAI เจ้าของ chatGPT และมีการนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาในเว็บ Bing และมีการใช้ AI ใน Application ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Teams เช่นการช่วยจดประชุม หรือนัดหมาย ทำให้ Microsoft เป็นบริษัทหนึ่งที่สามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI มาต่อยอดผลิตภัณท์ที่ตัวเองมีในทันที 

"โดยสรุป มุมมองโดยรวมจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ผู้บริหารต่างก็กล่าวว่า AI ไม่ใช่เรื่องเพียงระยะสั้น แต่นวัตกรรมในเรื่อง Generative AI กำลังจะสร้างนวัตกรรมและเปลี่ยนแปลงธุรกิจต่างๆ"

ทั้งในเรื่องการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และต้นทุนถูกลง นอกจากนี้ การแข่งขันระหว่างบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯที่รุนแรง การลงทุนใน AI จึงเป็นสิ่งจำเป็น และต้องลงทุน เพื่อมีเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าคู่แข่ง รวมถึงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ดังนั้น เราจึงมองว่าการเกิดขึ้นของ Generative AI จะทำให้เกิดผลิตภัณท์และบริการใหม่ๆ และมองว่าจะเกิดการนำเอา AI ไปใช้ในแวดวงที่กว้างขึ้น โดยที่ไม่ได้จำกัดแต่เพียงแค่บริษัทเทคโนโลยีเท่านั้น​​

คำแนะนำการลงทุน : ​KAsset มีมุมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ (Slightly Positive) 
จากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่ลดลง เงินเฟ้อเป็นทิศทางปรับตัวลง และกำไรบริษัทที่ยังดีกว่าที่ตลาดคาด 
• แนะนำ K-USA : จากมูลค่าหุ้นในดัชนี S&P 500 ยังไม่ได้แพงเกินไป ประกอบกับการที่ Fed ใกล้สิ้นสุดขาการขึ้นดอกเบี้ย จึงแนะนำเข้าลงทุนได้เลย
• แนะนำ ​K-USXNDQ : จากการที่หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นไปพอสมควร อาจจะทำให้มีการปรับฐานบ้าง แต่การปรับตัวลงจะเป็นจังหวะในการซื้อ จึงแนะนำเข้าลงทุนเมื่อตลาดย่อ

หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
มุมมองการลงทุน หลังเลือกตั้ง พ.ค. 2566 >>Click
กองทุน LTF ครบกำหนด ..ทำอย่างไรดี ? >>Click
GDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>Click​​

K-USA-AUG-2023.jpg

Yes
8/17/2023
0