7/27/2023

รับมืออย่างไร? เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย ​

HIGHLIGHTS :
• Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ 
• แถลงการณ์ของ Fed บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยัง Resilient และไม่ได้มองว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปลายปีนี้ 
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯรับรู้การขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ไปมากแล้ว ตลาดจึงเคลื่อนไหวตามผลประกอบการบริษัท
• KAsset มีมุมมองบวกมากขึ้น ต่อการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ (ปรับขึ้นเป็น Slightly Positive) แนะนำให้ใช้จังหวะที่ตลาดย่อตัวลง เข้าลงทุนได้
• สำหรับตราสารหนี้ จะยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แนะนำให้เลือกลงทุนตามระยะเวลาที่ถือครองได้


Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ในการประชุมเมื่อ 26 ก.ค 2023 (ตามเวลาสหรัฐฯ)

Fed มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด นับเป็นครั้งที่ 11 ที่ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันของวัฏจักรนี้ ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปัจจุบันรวม 5.25%

Fed ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ 
ท่าทีของ Fed ยังเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ต่างจากการประชุมครั้งก่อนนัก และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น โดยนายพาวเวล ประธาน Fed เปิดเผยในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า "มีความเป็นไปได้ว่าเราอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวสนับสนุนให้เราดำเนินการเช่นนั้น และในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่เราอาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หากการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนด้านนโยบายของเรา" ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ โดยตลาด (CME FedWatch Tool) ยังให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งราว 20-30%  

แถลงการณ์ของ Fed บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยัง Resilient และไม่ได้มองว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปลายปีนี้ 
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การจ้างงานมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนระบบธนาคารของสหรัฐฯยังมีความแข็งแกร่ง และมีความยืดหยุ่น ทำให้เจ้าหน้าที่ Fed ปรับมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ แต่จะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งทำให้ Fed สามารถพุ่งเป้าไปที่การปรับลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายโดยไม่ทำให้สูญเสียการจ้างงานมากเกินไป

ตลาดหุ้นสหรัฐฯรับรู้การขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ไปมากแล้ว ตลาดจึงเคลื่อนไหวตามผลประกอบการบริษัทฯ
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างผันผวนระหว่างวัน แต่ราคาปิดไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามคาด และนักลงทุนรับรู้การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ไปมากแล้ว นอกจากนี้ มีแรงหนุนจากผลประกอบการบางบริษัทที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นปิดลบเพียงเล็กน้อย โดยดัชนี Nasdaq -0.12% ดัชนี S&P 500  -0.02% ขณะที่ดัชนี Dow Jones สามารถปิดบวกได้ +0.23% (26 ก.ค. 2566)

มุมมองและคำแนะนำการลงทุน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
KAsset มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ (ปรับขึ้นเป็น Slightly Positive) ปัจจัยสนับสนุนจากการที่เศรษฐกิจที่ชะลอลงน้อยกว่าคาด ทำให้โอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยเริ่มลดลงหรือถูกเลื่อนออกไป นอกจากนี้ ดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ที่ใกล้ถึงระดับสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนทางการเงินของบริษัท โดยทิศทางของผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับในไตรมาสถัดไป ขับเคลื่อนจากทั้งหุ้นกลุ่ม Growth ที่การเติบโตไม่ได้พึ่งพิงเศรษฐกิจสหรัฐฯมากนัก และหุ้นกลุ่ม Cyclical จากสภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่าคาด 

"อย่างไรก็ดี ระยะสั้นอาจเห็นความผันผวนเนื่องจากเป็นช่วงทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 หากผลกำไรต่ำกว่าคาด อาจทำให้ตลาดย่อตัวลง นักลงทุนควรใช้จังหวะนี้เข้าลงทุน K-USA, K-US500X และ K-USXNDQ ได้"

มุมมองและคำแนะนำการลงทุน ตราสารหนี้
KAsset มีมุมมองบวกลดลง ในการลงทุนตราสารหนี้โลก (ปรับลงเป็น Slightly Positive) จากการที่ Fed น่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงนาน (higher for longer) และยังไม่ปรับลงในปีนี้ ทำให้จะยังไม่ได้ประโยชน์จาก Capital Gain (ราคาปรับขึ้นเมื่อ Yield ปรับลง) อย่างไรก็ดี จะยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แนะนำเลือกลงทุนตามระยะเวลาที่ถือครองได้ 

- ตราสารหนี้ในประเทศ : 
ระยะสั้น K-SF (ถืออย่างน้อย 1-3 เดือน) และ K-SFPLUS (ถืออย่างน้อย 3-6 เดือน) 
ระยะกลาง K-PLAN1 (ถืออย่างน้อย 9-12 เดือน)  
ระยะยาว K-FIXEDPLUS (ถืออย่างน้อย 1 ​ปี) ที่เน้นตราสารหนี้คุณภาพดีในไทย และสามารถหาโอกาสเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศได้ 

- ตราสารหนี้ต่างประเทศ : 
กองทุน K-GB (ถืออย่างน้อย 3-5 ปี) : เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก (Investment Grade)​

หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
พญามังกรจีนฟื้น!! สรุปการประชุม Politburo ก.ค.66 >>Click
“ตราสารหนี้” ครึ่งปีหลังคือสินทรัพย์ปลอดภัย สภาพคล่องสูง >>Click
​​ถ้าหุ้นอินเดีย คือ อนาคต ปัจจุบันต้องลงทุน อย่างไร? >>Click​​
ลงทุนแบบสบายใจ ไร้กังวล ได้ที่ “กองทุนผสม” >>Click​
​​

Yes
7/27/2023
0