10/2/2023

Tech & AI ความหวังใหม่การลงทุนโลก ..จริงหรือ?​


messageImage_1696229378752.jpg

AI และเทคฯ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่รู้จัก คือ ChatGPT รวมถึงในวงการ HealthTech และยังสามารถต่อยอดได้อีกมาก ตอนนี้เป็นช่วงของการเริ่มต้นการใช้ AI เท่านั้น และจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน ช่วยในการลดขั้นตอนต่างๆ โดยในแวดวงของการลงทุน ก็จะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยในการประมวลผลข้อมูล

ทั้งนี้ มองว่า AI มันเปลี่ยนโลกในอนาคต เพราะว่าจากเดิมที่เรามีไอโฟน แล้วเราก็เห็นว่ามันมี value added product ต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ไฟฉาย กล้อง GPS ติดตาม หรือว่าเรามี Uber, Grab, Spotify, Lazada ก็เพราะว่าเรามีไอโฟน เพราะฉะนั้น เอไอจะกลายเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีและจะต่อยอดการใช้เอไอไปในผลิตภัณท์ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นแน่ แต่ hard to imagine ในตอนนี้ 

ทิศทางบริษัทเทคโนโลยี และ AI ในสหรัฐฯ หลังประกาศงบ Q2/2023​  ​
Recession ในอเมริกาน่าจะยังไม่เกิด เนื่องจากค่าจ้างยังคงสูงขึ้น ถึงแม้สินค้าจะแพงขึ้น ประชาชนก็ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ โดยพันธบัตรรัฐบาลยังคงมีการปรับตัวขึ้นมา แต่น่าจะเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่จะแระทบกับตลาดหุ้นแค่ระยะสั้นเท่านั้น หลังจากประกาศงบ หุ้นค่อนข้างจะ trade sideway เพราะว่า 
1. ที่ผ่านมาหุ้นเทคขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วจากเรื่องเอไอ ก็อาจจะพักเพื่อรอปัจจัยต่อไป 
2. ปัจจัยความเสี่ยงของแมคโคร จากเรื่อง US 10Y ที่ปรับตัวขึ้น และเรื่องเงินเฟ้อ อาจจะกลับมาทำให้ตลาดกังวลอีกครั้ง

ถึงแม้ว่า งบคราวนี้ไม่ได้ดีมาก มีดีแค่ไม่กี่ตัว หนึ่งในนั้นคือ Nvidia มีรายได้จากฝั่งชิปที่ใช้ใน Data Center แต่ที่สำคัญก็คือนักวิเคราะห์เริ่มมีการปรับประมาณการณ์ขึ้น สอดคล้องกับมุมมองด้าน top down macro ลงมาว่า โอกาสในการเกิดเศรษฐกิจถดถอยเริ่มลดลง ภาพเศรษฐกิจของอเมริกายังคงแข็งแกร่งอยู่
 
และการปรับประมาณการณ์นี้ เป็นที่น่าสนใจว่าส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม semiconductor ที่ทำให้กลุ่มเทคน่าจะมีกำไรที่ดีขึ้นในไตรมาสสาม โดยที่ปกติแล้ว วัฐจักรของเซมิจะเป็น upturn 3 ปี และ downturn 1 ปี ถ้าเรามองว่า downturn เริ่มต้นตอนปลายปี 2022 เราก็น่าจะได้เห็นวัฐจักรของกลุ่ม semi ฟื้นได้อีกครั้ง ต้นปี 2024 

สรุปคือกำไรของบริษัทเทคที่ประกาศในรอบนี้ก็ถือว่าค่อนข้างโอเค ถึงแม้ว่าโดยรวมไม่โดดเด่น มีแค่เทคที่เกี่ยวกับเอไอ เช่น Nvidia ที่ประกาศออกมามากกว่าคาด ในขณะที่ก็มีบริษัทอื่นๆ ที่ให้ guidance ในทำนองที่สดใสขึ้น ที่สำคัญคือเรามองว่า ทั้งเทค hardware และ semiconductor น่าจะใกล้ผ่านพ้นช่วง bottom และคาดว่าจะฟื้นได้ต้นปี 2024​

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เทคฯ และ AI โตมามากน้อยเพียงใด? ​ 
การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี นวัตกรรมเป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าเราอดทนถือได้ มันจะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก แต่ระหว่างทาง การที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเป็นเรื่องปกติ เพราะขนาดดัชนี S&P 500 ยังสามารถเจอ correction ระหว่างปีได้ 10-15% และหากตลาดปรับตัวลง ไม่ว่าเราจะเลือกหุ้นได้ดีแค่ไหน หุ้นนั้นก็สามารถปรับตัวลงได้ แต่ถ้าพื้นฐานยังเหมือนเดิม รายได้ กำไรยังเติบโตเหมือนเดิม การปรับตัวลงของตลาดจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราเข้าไปซื้อ เราไม่ควรตกใจกับราคาที่ผันผวนระยะสั้น ต้อง think long-term แล้วเราจะชนะใน long term
 
หุ้นเทคฯ และ AI แพงไป แล้วหรือยัง? ​  ​​ 
ถ้าดู valuation ณ ตอนนี้ถือว่าค่อนข้างสูง  แต่เป็นเพราะว่าตลาดคาดการเติบโตไว้ค่อนข้างสูง ถ้าลองดู valuation ปัจจุบัน Nasdaq อยู่ที่ 27เท่า ปีนี้ ในขณะที่ earning growth ปี 2024 อยู่ที่ 22% ก็ถือว่าค่อนข้างสูง แต่ถ้า ตลาดการมีการเติบโตสูง ถึงแม้ว่าจะแพง P/E จะไม่เปลี่ยน หรือสามารถลดลงได้ด้วยซ้ำ 

กำไรของตลาด S&P ยังมีการปรับประมาณการณ์ปรับตัวขึ้นได้อีกในช่วงปีหน้า จากปัจจัยบวกของหุ้นกลุ่ม Semiconductor ด้วย ทั้งนี้ ยังคงมีความต้องการการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี ทั้ง PC, Laptop และมือถือ อยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อถึงรอบหมดอายุการใช้งาน

อนาคตของหุ้น เทคฯ และ AI ​  ​​ 
KAsset มองหุ้น AI จะยังคงเติบโตได้ จากสัญญาณของการเข้ามาจับตลาด AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ทั้ง Microsoft, Facebook, Google ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสในธุรกิจอีกในอนาคต
 
1. เราไม่ควรประเมินความสามารถในการสร้างนวัตกรรมต่ำเกินไป เพราะถ้าเราเชื่อใน Moore’s Law นั่นแปลว่า ความสามารถการพัฒนาของบริษัทเทคจะเพิ่มขึ้นสองเท่าทุกสองปี และมีความ cumulative คือพัฒนาแล้ว พัฒนาอีก ต่อยอดขึ้นไป มัวร์ ลอว์จะทำให้การประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เร็วขึ้น ถูกลง และดีขึ้น 

2. นี่คือ 10 บริษัทที่เรียกได้ว่า สุดยอดที่สุดในโลก Alibaba, Amazon, Apple, Facebook, Google, Microsoft, Netflix, Shopfiy, tencent และ Tesla หนึ่งในนั้นคือ ผู้ก่อตั้ง เช่น Jack Ma, Alibaba, Bezos at Amazon, Jobs at Apple, Zuckerberg at FB, Brin and Page at Google, Gates at MSFT, Musk at Tesla และพวกเค้าเหล่านี้ ค่าเฉลี่ยของอายุงาน ไม่ใช่ 5-10 ปี แต่พวกนี้ทำงานในบริษัทนี้เฉลี่ย 24 ปี! เรากำลังลงทุนในผู้บริหารที่เก่ง เราต้องเลือกลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารเก่ง และผู้บริหารเก่งจะมองเกมส์ขาด และใช้กลยุทธ์ระหว่างยาว
 
ทำไมต้องหาจังหวะลงทุนใน หุ้นเทคฯ และ AI ในตอนนี้  ​  ​​ 
1. วัฐจักรกลุ่ม semi กำลังฟื้นในปี 2023 
2. เรามองว่าโอกาสในการเกิดเศรษฐกิจถดถอยลดลงแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเกิดเศรษฐกิจถดถอย เงินสดที่บริษัทเทคใหญ่ๆ มีรวมกันคือ 700 Billion USD ซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัท Defensive อีกบริษัทหนึ่ง 
3. การที่เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยจะเป็นบวกบริษัทเทค 
4. Chip Act จะทำให้เกิดการลงทุนใน supply chain อีก 210 billion USD

คำแนะนำการลงทุน
แนะนำ K-GTECH ที่เน้นลงทุนหุ้นเทคฯทั่วโลก 50-80 ตัว โดยให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่ลงทุน ได้แก่
-Microsoft ซอฟต์แวร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก คือ Windows และ Office
-Alphabet เจ้าของแพลตฟอร์ม ยอดนิยมอย่าง Google
-Apple ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรม อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone
-Lam Research บริษัทผู้ผลิตชิปขั้นสูง สัญชาติอเมริกัน​

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
อัปเดตวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน …เกิดอะไรขึ้น?​ >>Click
เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย​ >>Click
สรุปสัญญาณ จากประชุม Politburo ของจีน​​ >>Click​
GDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>Click​​
Yes
10/2/2023
0