https://192.168.19.136:2583/SiteCollectionImages/2023/Market%20tigger/09-Core-Satellite-Portfolio_BN.jpg
HIGHLIGHTS :
• จีนประกาศเปลี่ยนแปลงงบประมาณระดับชาติครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
• เตรียมยกระดับมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมทางการเงิน ให้เข้มงวดมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า
• PBOC อัดฉีดเงิน เพิ่มสภาพคล่องโดยปล่อยสินเชื่อสูงสุดในรอบ 3 ปี
หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ได้รายงานว่า GDP ไตรมาส 3/2566 เติบโต 4.9% (เทียบรายปี) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 4.6% สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ที่ทางการจีนทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น…
1. การประกาศเปลี่ยนแปลงงบประมาณระดับชาติครั้งใหญ่สุดรอบหลายปี
โดยสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้อนุมัติให้มีการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านร่างกฎหมายให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกขายตามโควตางบประมาณปี 2567 ซึ่งเม็ดเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา
รวมถึงปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้จีนสามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้ ซึ่งวงเงิน 50% จะถูกใช้ภายในไตรมาส 3/2566 และอีก 50% จะถูกใช้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567
2.อัดฉีดเงิน เพิ่มสภาพคล่อง สูงสุดในรอบ 3 ปี
ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดสภาพคล่องด้วยเม็ดเงินถึง 2.89 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 39.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการปล่อยสินเชื่อระยะสั้น 1 ปี นับเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2563
โดยการปลุกเศรษฐกิจผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องในครั้งนี้ ก็เพื่อรักษาสภาพคล่องระหว่างธนาคารพาณิชย์ให้มีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ได้มีการระบายหนี้ระยะสั้นจำนวน 1.34 แสนล้านหยวน ด้วยนโยบายทางการเงินผ่านทางตลาดเงินควบคู่กันไปด้วย
3. ยกระดับมาตรการทางการเงินครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ 30-31 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางการจีนได้จัดประชุม Financial Work Conference ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ทุก ๆ 5 ปี โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นั่งเป็นประธาน
"สาระสำคัญของการประชุมดังกล่าว บ่งบอกว่าจีนเตรียมยกระดับมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมทางการเงิน ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า รายงานยังระบุอีกด้วยว่า ทางการจีนยังคงเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน"
นอกจากนี้ ทางการจีนยังหาทางป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจซบเซา และได้พยายามคลี่คลายปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังสั่นคลอนภาคธนาคาร รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ LGFV (Local Government Financing Vehicle) ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระบบการเงินอีกด้วย ซึ่ง LGFV ที่ว่านี้ ก็คือ นิติบุคคลที่ถูกตั้งขึ้นโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจีน เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนจะยังน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งเรามองว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลจีน ที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
สำหรับนักลงทุนเอง ก็ต้องหมั่นติดตามว่าทางการจีนจะออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อจะได้ปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม
แม้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ว่ามาทั้งหมดนี้ อาจไม่ได้ถึงขนาดเป็นคันเร่งให้จีนกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด
แต่อย่างน้อย ก็น่าจะทำให้พญามังกรรายนี้พร้อมสยายปีกโบยบินเหนือท้องฟ้าอีกครั้ง
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2023
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
อัปเดตวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน …เกิดอะไรขึ้น? >>
Clickเมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ...แต่ไม่ชัดว่าเป็นครั้งสุดท้าย >>
Clickสรุปสัญญาณ จากประชุม Politburo ของจีน >>
ClickGDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>
Click