HIGHLIGHTS :
• เงินเฟ้อสหรัฐฯส่งสัญญาณชะลอตัวลง และต่ำกว่าตลาดคาดการณ์
• มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
• Fed อาจเริ่ม ชะลอการขึ้น อัตราดอกเบี้ย
• ดัชนีเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนวิ่งกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
• KAsset ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (Slightly Negative)
เงินเฟ้อสหรัฐฯส่งสัญญาณชะลอตัวลง และต่ำกว่าตลาดคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานดัชนีเงินเฟ้อทั่วไปเดือนตุลาคมขยายตัว 0.4% เทียบกับเดือนก่อนหน้า และ 7.7% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะขยายตัว 0.6% และ 7.9% ตามลำดับ ส่วนดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% เทียบกับเดือนก่อนหน้า และ 6.3% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้เช่นกัน โดยตลาดประเมินไว้ที่ 0.5% และ 6.5% ตามลำดับ
การชะลอตัวของดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน กระจายตัวทั้งในกลุ่มสินค้าและการบริการ โดยตัวเลขเทียบรายเดือน (MoM) ดัชนีเงินเฟ้อด้านการบริการเพิ่มขึ้น 0.5% แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.8% หลังราคาค่าเช่าบ้านซึ่งมีน้ำหนักถึง 40% ในดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวลดลงมาเหลือ 0.6% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.8% ขณะที่ดัชนีราคาด้านการรักษาพยาบาลหดตัว 0.5% เทียบกับปรับขึ้น 0.8% ในเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาด้านการสันทนาการเพิ่มขึ้นเป็น 0.7% ทำระดับสูงสุดของปีนี้ สะท้อนถึงการขาดแคลนแรงงานในกลุ่มการบริการที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 ด้านดัชนีราคาสินค้าลดลง 0.4% นำโดยราคารถยนต์มือสองที่ปรับตัวลง 2.4% และราคาเครื่องนุ่งห่มที่ลดลง 0.7% ส่วนราคารถยนต์ใหม่ยังเพิ่มขึ้น 0.4% แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.7%
สัญญาณบ่งชี้ว่า ดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
สัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในเดือนตุลาคม โดยเฉพาะในภาคการบริการ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในปีหน้า
Fed อาจเริ่ม ชะลอการขึ้น อัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 80.6% ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 19.4% ที่จะปรับขึ้น 0.75% ซึ่งสูงกว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตลาดมองว่ามีโอกาสเพียงกว่า 60% ที่จะปรับขึ้น 0.50%
ดัชนีเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนวิ่งกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
ทันทีที่ตลาดรับรู้รายงานดัชนีเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ราคา Futures ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตลาดหุ้นจะปิดตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง โดย Dow Jones +3.70%, S&P 500 +5.54% และ Nasdaq +7.35% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ย่อตัวลงแรงจากระดับ 4.09% มาปิดที่ 3.81% ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.75% ส่วนทองคำดีดตัวขึ้น 2.85% ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวเช่นกัน (ข้อมูลราคาปิด ณ 10 พ.ย. 2565)
มุมมองการลงทุน
การปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯในระยะสั้นนี้ มาจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนตุลาคมที่ต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังถึงการประชุม Fed ในระยะถัดไปอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะหุ้นเติบโตสูงที่เผชิญกับแรงขายมาตลอดปี จึงมีแรงซื้อกลับจากนักลงทุนที่ขายไปก่อนหน้า (short covering) และทำให้หุ้นปรับขึ้นอย่างร้อนแรง
ระยะถัดไปคาดว่า Fed จะปรับดอกเบี้ย 0.50% ตามตลาดคาดในการประชุมเดือนธ.ค ซึ่งจะยังสนับสนุนให้นักลงทุนคลายความกังวลด้านอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี โอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯยังมากกว่า 50% ทำให้ยังคาดว่าผลประกอบการบริษัทและตัวเลขเศรษฐกิจในระยะถัดไปจะมีทิศทางชะลอลง จึงยังคงมุมมองระมัดระวังการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้น้อย
คำแนะนำการลงทุน
บลจ.กสิกรไทย ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยยังคงมุมมอง Slightly Negative ต่อการลงทุน (K-USA, K-US500X, K-USXNDQ)
ผู้ที่ถือหน่วยกองทุนหุ้นสหรัฐฯ อยู่เดิม : แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนในจังหวะที่ตลาดเด้งระยะสั้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม
ผู้ที่ต้องการเข้าลงทุน : หากรับความผันผวนในระยะสั้นได้น้อย ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน เนื่องจากความผันผวนของตลาดยังอยู่ระดับสูง
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ย. 2565
หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หุ้นตอบรับเชิงลบ หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย >> อ่านต่อ
ดอกเบี้ยขาขึ้น ลงทุนยังไง? >> อ่านต่อ
อย่าหวั่น Recession >> อ่านต่อ
