10/11/2022

อย่าหวั่น Recession เพราะนี่คือ โอกาสตุน หุ้นดี ราคาถูก

​​​​

HIGHLIGHTS :
• นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในครึ่งหลังของปีหน้า
• คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยใน 6 เดือนข้างหน้า จากวิกฤตพลังงานและเงินเฟ้อ 
• เอเชียกำลังกลับมาผงาด จากสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น 
• วิกฤตพลังงานดั้งเดิม เป็นโอกาสให้ลงทุนในพลังงานทดแทน 
• อย่าหวั่น Recession เพราะเป็นโอกาสทยอยซื้อ หุ้นดี ราคาถูก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย

ในทุกวิกฤตมี “โอกาส” อยู่เสมอ ถ้ารู้จักเฟ้นหา “ตลาด” ที่เหมาะสม คัดเลือก “สินทรัพย์” ที่มีพื้นฐานดี ก็อาจทำให้ช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา เสี่ยงจะถดถอยสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น “จังหวะ” ดีในการทยอยสะสมของดีราคาถูกกว่าปกติ

Market Spotlight ep8: ชี้เป้าตลาดเด่น ฝ่ากระแส Recession

🚨ในทุกวิกฤตมี “โอกาส” อยู่เสมอ ถ้ารู้จักเฟ้นหา “ตลาด” ที่เหมาะสม แค่ “คัดเลือกสินทรัพย์” ที่มีพื้นฐานดี ตอนนี้ เศรษฐกิจโลกเสี่ยงเกิด Recession แต่นั่นคือ “จังหวะที่ดี” ในการทยอยสะสมของดีราคาถูกกว่าปกติ ✅บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนที่น่าสนใจสำหรับช่วงปลายปี 3 สไตล์ ตามความเสี่ยง….👇🏻 - ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน #KAsset #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน #เรื่องกองทุนคุณเชื่อได้

โพสต์โดย KAsset เมื่อ วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2022
​​

Recession กำลังมา หนีไม่พ้นแน่นอน​
นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในครึ่งหลังของปีหน้า หลัง Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงหลายครั้งติดต่อกัน  พร้อมใช้มาตรการดอกเบี้ยแบบ "ขึ้นแล้วคง" (Hike and Hold) แทนที่จะใช้มาตรการ "ขึ้นแล้วลง" (Hike and Cut) ประธาน Fed ย้ำว่า จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะจัดการเงินเฟ้อได้อยู่หมัด หรือเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 2% และยอมรับว่า ไม่มีใครรู้ว่ากระบวนการนี้จะทำให้เกิดภาวะถดถอย (Recession) หรือไม่และจะรุนแรงแค่ไหน 

ส่วนฝั่งสหภาพยุโรป ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยใน 6 เดือนข้างหน้า ผลกระทบจากวิกฤตพลังงานรุมเร้า และเงินเฟ้อพุ่งทำนิวไฮ ด้านธนาคารโลก ก็เตือนว่า การที่ทั่วโลกพร้อมใจกันขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อแบบนี้ จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023

ลงทุนอย่างไร? หากเกิด Recession
หากเกิด Recession ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบแน่นอน โดยจากสถิติการเกิด Recession เพราะ Fed ขึ้นเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อนั้น ในยุค 1982-1983 ผลกำไรของ S&P 500 ลดลง 14% ส่วนยุค 1793-1974 กำไรลดลง 15%
ช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ นักลงทุนที่ไม่อยากปรับพอร์ตตามภาวะตลาดบ่อยๆ ควรใช้กลยุทธ์ลงทุนตาม Mega Trends โลกที่ยังไปได้อีกไกล และหุ้นกลุ่มนี้สามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว 3-5 ปี อย่างเช่น เทรนด์ “เอเชียผงาด” และ “พลังงานทดแทน”

ตลาดหุ้น “เอเชีย” กำลังกลับมาผงาด 
ขณะที่ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปจะซึมลึกไปแค่ไหน หลายประเทศในเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน และญี่ปุ่น กำลังมีสัญญาณที่ดีขึ้น 

“เวียดนาม” กำลังเนื้อหอมสุดๆ เป็นฐานการผลิตสำคัญแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมไอทีโลก แรงงานหนุ่มสาวจำนวนมากและค่าแรงที่ยังถูกคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามให้สดใสกว่าใครๆ ปัจจัยภายในประเทศยังดูดี ทั้ง GDP แข็งแกร่ง และกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตสูง ข่าวร้ายต่างๆ คลี่คลาย และเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นขึ้นมาบ้างแล้ว 

“ประเทศจีน” ก็เน้นการเติบโตแบบมีเสถียรภาพ ไม่ต้องโตหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน มีนโยบายชัดว่าจะหนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และพลังงานทดแทน และคาดว่าหลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนกลางเดือนต.ค. มีโอกาสจะเห็นมาตรการผ่อนคลายโควิดมากขึ้น  เพื่อเอื้อการทำธุรกิจ กระตุ้นการใช้จ่ายของคนมากขึ้น 

หลายฝ่ายมองว่า ตลาดหุ้นจีนน่าจะแตะจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนเม.ย. และพ.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น จากนี้ไปน่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ประเทศญี่ปุ่น” ภาครัฐก็ยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ 11 ต.ค. จะช่วยให้การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น

“วิกฤต” พลังงานดั้งเดิม “โอกาส”พลังงานทดแทน
โลกกำลังถึงยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานครั้งใหญ่ โดยตัวเร่งสำคัญคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาโลกร้อน ข้อมูลจาก International Energy Association (IEA) ระบุว่า การลงทุนพลังงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8% แตะระดับ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 โดยในส่วนนี้จะเป็นการลงทุนพลังงานสะอาดราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หลังจากโตแบบช้าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

อย่าหวั่น Recession โอกาสตุน “หุ้นดี ราคาถูก” 
ปีนี้ คือโอกาสดีสำหรับการทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เพราะหุ้นดี พื้นฐานเด่นหลายกลุ่มราคาย่อตัวลงมามากแล้ว จึงเป็นจังหวะสะสมกองทุนดี ราคาถูก พร้อมรอโอกาสเติบโตไปพร้อมการฟื้นตัว ปลายปีแล้วจะลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีหรือกองทุนรวมทั่วไป 

บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนที่น่าสนใจ 3 สไตล์ ตามความเสี่ยง ได้แก่ สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้สูง

กองทุนหุ้นเวียดนาม ที่เน้นลงทุนหุ้นบริษัทเวียดนามชั้นนำและเน้นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เพื่อคว้าโอกาสเติบโตไปพร้อมตลาดดาวรุ่ง ฐานการผลิตสำคัญแห่งใหม่ของโลก ที่จะมีบทบาทมหาศาลต่อการค้าโลกระยะต่อไป

ใครที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ควรเลือกกองทุนผสม ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วทุกมุมโลก 

 
ส่วนคนที่ชอบหุ้นไทย และเห็นโอกาสจากการเปิดประเทศ แนะนำให้ลงทุนใน กองทุนหุ้นไทยพื้นฐานดี มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว  

สุดท้าย ใครที่ต้องการพักเงินเพื่อรอดูจังหวะตลาดที่ยังไม่ค่อยแน่นอน แนะนำปรับพอร์ตไปเน้นลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงสูง ผันผวนต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนของคุณ 

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 7 ต.ค. 2565​

หมายเหตุ "ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตลาดหุ้นเวียดนาม ปรับลดลง 4% >> อ่านต่อ
กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1% >> อ่านต่อ
ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูง >> อ่านต่อ


Yes
10/11/2022