11/7/2024

2024 US elections คำแนะนำการลงทุน หลังทรัมป์ประกาศชัยชนะเลือกตั้ง

ตอนที่ 7 : คำแนะนำการลงทุน หลังทรัมป์ประกาศชัยชนะ

 “KAsset มองว่าการที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอาจจะเพิ่มความไม่แน่นอนและสร้างความผันผวนให้กับตลาด จากการดำเนินนโยบายต่างๆ ​


KAsset จึงแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับกระจายความเสี่ยง โดยจัดพอร์ตเป็น Core-Satellite และพิจารณาเพิ่มสินทรัพย์อื่นๆ นอกเหนือจากหุ้น เช่น พันธบัตร หรือ REITs เพื่อลดความเสี่ยง และทำให้พอร์ตมีความสมดุลมากขึ้น"


ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47

โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งในสภาบนและสภาล่าง

 

ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการล่าสุด อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ได้จำนวนผู้แทนเลือกตั้ง 295 คน ขณะที่ฝั่งรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้จำนวนผู้แทนเลือกตั้ง 226 คน นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งในสภาบนและสภาล่าง (Republican Sweep)

ซึ่งหากผู้ใดได้คณะผู้แทนเลือกตั้งถึง 270 คน (จากทั้งหมด 538 คน) ก่อน จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง จึงถือว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะแล้ว และจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025

ผลตอบรับจากตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั้งฝั่งสหรัฐฯและเอเชีย ในวันที่ทราบผลเลือกตั้ง ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลง จากการคาดว่าทรัมป์จะใช้สงครามการค้า และจะทำให้เศรษฐกิจจีนโดยเฉพาะภาคส่งออกได้รับผลกระทบโดยตรง  ขณะที่ Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.4% เนื่องจากกังวลเรื่องอุปทานพันธบัตรรัฐบาล หนี้ของประเทศ และเงินเฟ้อที่อาจจะปรับตัวขึ้นจากภาษีนำเข้า

 

มุมมองการลงทุน

ผลกระทบต่อตลาดหุ้น

คาดว่าในกรณีที่ทรัมป์ชนะ จะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็จะเพิ่มความไม่แน่นอนในระยะยาว โดยจะเห็นว่าตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ยกเว้นจีน และยุโรป ปรับตัวขึ้นทันทีในช่วงแรกหลังจากการคาดการณ์ชัยชนะของทรัมป์ แต่เรามองว่า นักลงทุนยังควรระมัดระวังเกี่ยวกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่จะมาจากการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์และนโยบายต่างๆ

 ​

อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นต่อ ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อหุ้นเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จะยังได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานและเรื่องเอไอ แต่ในระยะยาว ก็มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่อาจมุ่งเป้าไปที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนว่าบริษัทใดจะได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์ภายใต้การบริหารของทรัมป์

 

คำแนะนำการลงทุน ตลาดหุ้น

KAsset มีมุมมอง Overweight ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมองว่ากำไรจะสามารถเติบโตได้ 15% ในปี 2025 และอาจได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่องจากนโยบายลดภาษี และการผ่อนคลายกฎเกณท์ต่างๆ ซึ่งจะเพิ่มกำไรต่อหุ้นให้กับบริษัทจดทะเบียน

แนะนำทยอยสะสม K-USA, K-US500X, K-GSELECT

 

ผลกระทบต่อตราสารหนี้

Yield ของพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการคาดการณ์ของตลาดว่าทรัมป์จะมีแนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และการขาดดุลที่สูงขึ้น จากการลดหรือต่ออายุการลดภาษีในปี 2026 เป็นต้นไป

 

นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจกลับมาเกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของทรัมป์ที่สนับสนุนให้มีการเพิ่มภาษีนำเข้า จะทำให้ Yield ของฝั่งสหรัฐฯอยู่ในระดับสูง และมีโอกาสว่าในปี 2025 Fed อาจไม่ได้จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว หากเงินเฟ้อกลับมาปรับตัวขึ้น

 

คำแนะนำการลงทุน ตราสารหนี้

KAsset มีมุมมอง Overweight ตราสารหนี้ แต่แนะนำในประเทศหรือผสม มากกว่าตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากจะมีความผันผวนน้อยกว่า และ ธปท. มีโอกาสมากกว่าที่จะปรับลดดอกเบี้ย

กองทุนแนะนำ K-FIXEDPLUS

 

ผลกระทบต่อสินทรัพย์อื่นๆ:

  • ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า: นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากนโยบาย American First อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น นโยบายกีดกันการค้า และภาษีนำเข้า
  • หุ้นขนาดเล็ก: ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีของบริษัทขนาดเล็ก มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความคาดหวังที่ว่าบริษัทขนาดเล็กที่เน้นตลาดภายในประเทศอาจได้ประโยชน์จากชัยชนะของพรรครีพับลิกัน เนื่องจากมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าต่างประเทศ


​​ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา:

  • การตัดสินใจของ Fed : การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของ Fed โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของตลาด
  • สภาวะเศรษฐกิจโลก: ปัจจัยภายนอก เช่น มุมมองเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมีบทบาทในการกำหนดแนวโน้มของตลาดด้วยเช่นกัน


คำแนะนำการลงทุน

KAsset มองว่าการที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอาจจะเพิ่มความไม่แน่นอนและสร้างความผันผวนให้กับตลาด จากการดำเนินนโยบายต่างๆ เราจึงแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับกระจายความเสี่ยง โดยจัดพอร์ตเป็น Core-Satellite และพิจารณาเพิ่มสินทรัพย์อื่นๆ นอกเหนือจากหุ้น เช่น พันธบัตร หรือ REITs เพื่อลดความเสี่ยง และทำให้พอร์ตมีความสมดุลมากขึ้น

ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย

ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com / กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สรุป 5 ข้อควรรู้ เข้าสู่โค้งสุดท้าย >>Click

ทรัมป์ vs แฮร์ริส นโยบาย Climate Change  >>Click

จากโจ ไบเดน …สู่ กมลา แฮร์ริส  >>Click

สงครามการค้า กลับมาร้อนระอุ อีกครั้ง?  >>Click

จับตานโยบายการคลังสหรัฐฯ >>Click

เส้นทางสู่การเป็น ปธน.สหรัฐฯ คนที่ 47 >>Click

Yes
11/7/2024
none