1/5/2023

สรุปเทรนด์การลงทุน ปี 2023

​​​​​​​​​​HIGHLIGHTS :
• เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการที่ธนาคารกลางต่างๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ 
• หุ้นจีนกับความหวังจากการเปิดประเทศ 
• ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ช่วงแรกยังน่าห่วง แต่อาจเป็นโอกาสกลับเข้าลงทุนในช่วงหลังของปีนี้
• ท่องเที่ยวไทยหนุนเศรษฐกิจให้ไปต่อ บวกกับการทยอยเปิดประเทศจีน ที่ช่วยหนุน GDP ไทยให้ขยายตัว
• สินทรัพย์ที่แนะนำให้เก็บเข้าพอร์ตในปี 2023 ได้แก่ หุ้นจีน ธุรกิจ Healthcare ตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนรวมผสม และไม่ลืมที่จะกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตยามเศรษฐกิจผันผวน​

เริ่มต้นปีใหม่กันแล้ว เรามาส่องเทรนด์การลงทุนของปี 2023 กันดีกว่า จะได้เตรียมวางแผนการลงทุนกันได้แบบปังๆ ไม่พลาดถึงโอกาสกันเลย

ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2023 จะเป็นอย่างไร

จากการชะลอตัวที่มีมาตั้งแต่ปีก่อน ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อที่มีมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มชะลอตัว จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่ชะลอลง ทำให้ตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวนในปีนี้ 

ทำให้เราต้องจับตามอง การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ทิศทางตัวเลขเงินเฟ้อ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปิดประเทศของจีน ไปจนถึงการเลือกตั้งของประเทศไทย

Line Investment 2023.jpg

หุ้นจีนกับความหวังจากการเปิดประเทศ

จีนเริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ บวกกับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอสังหาฯ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มคลี่คลายลง ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้จีนสามารถใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปได้ สวนทางกับประเทศอื่นๆ

ทำให้ “หุ้นจีน" เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แถมยังมีระดับราคาหุ้นต่ำกว่าตลาดอื่นค่อนข้างมาก นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีนรวมถึงกองทุนหุ้นเอเชียที่ได้รับผลประโยชน์จากการเปิดประเทศจีน เพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว


ฝั่งสหรัฐฯและยุโรปยังน่าห่วง รอจังหวะกลับเข้าลงทุน

ยุโรปมีโอกาสจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยก่อนประเทศอื่น และประมาณกำไรบริษัทเริ่มเห็นการถูกปรับลงต่อเนื่อง ในขณะที่ Fed ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยยังไม่มีความแน่นอนว่าจะไปจบที่ระดับสูงสุดเท่าไหร่ (terminal rate) แต่คาดว่า Fed จะคงไว้ที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาด

และปัจจุบันนักวิเคราะห์ใน Bloomberg consensus ยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวในช่วงไตรมาส 2/2023 ใครที่อยากจะกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นฝั่งยุโรป คงต้องรอผ่านความผันผวนช่วงไตรมาส 1-2 ไปก่อน เมื่อเริ่มมีสัญญาณดอกเบี้ยใกล้หยุดปรับขึ้นต่อ และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยสะท้อนในการปรับคาดการณ์กำไรลงไประดับหนึ่งแล้ว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนอีกครั้ง


ท่องเที่ยวไทยหนุนไทยไปต่อ

โดยรวม บลจ. กสิกรไทย มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2023 ที่ 1,800 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักภายในประเทศมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการทยอยกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าในการดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยให้ได้จำนวน 20 ล้านคน ในปี 2023 ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 2.38 ล้านล้านบาท บวกกับการทยอยเปิดประเทศจีน ที่ช่วยหนุน GDP ไทยให้ขยายตัว และช่วยลดผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวได้เป็นอย่างดี.

รวมถึงสถานการณ์เงินเฟ้อพ้นจุดวิกฤติแล้ว ทำให้เราไม่ต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงแบบประเทศอื่น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2023 จากภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และหากค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า จะหนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย​




สินทรัพย์ที่น่าเก็บเข้าพอร์ตในปี 2023

นอกจากหุ้นจีนที่น่าเก็บสะสมแล้ว ยังมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว เนื่องจากผสมผสานระหว่างการเป็นหุ้นที่มี Beta และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกระแสรักษ์โลก หรือ เมกะเทรนด์ต่างๆ รวมถึงหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาด อย่างธีมการลงทุนด้าน Healthcare ที่เป็นบริการที่มีความจำเป็นและมีรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงมี Valuation ที่ไม่สูง

และอีกสินทรัพย์ที่น่าจับตามองก็คือ “ตราสารหนี้" ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐที่ได้รับผลประโยชน์จากการปรับดอกเบี้ยในระยะถัดไปที่ลดอัตราลง ประกอบกับการเฟ้นหาสินทรัพย์คุณภาพดี ท่ามกลางโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังอยู่ในระดับสูง และตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีที่มีอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้นตามดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล

บวกกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูงทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น สามารถเข้าสะสมกองทุนตราสารหนี้กลาง-ยาว ซึ่งอาจมีความผันผวนอยู่แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น


"ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมวางแผนการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ทยอยลงทุนไปเรื่อย ๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของเรา และคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในทุกโอกาสของปี 2023 ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต"


ดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนหุ้นและตราสารหนี้ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่ >>Click

SSF กสิกร, RMF กสิกร, กองทุนลดหย่อนภาษี, กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุนเกษียณ, ssf, ltf, กองทุนแนะนำ, กองทุนไหนดี, KAsset, กองทุนกสิกร, กองทุนปันผล, กองทุน ผลตอบแทนดี, ลงทุนลดหย่อน, ลดหย่อนภาษีมายเหตุ กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน


บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 6 ม.ค. 2566


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
ลงทุน ไทย-เวียดนาม ​จะไปต่อ...หรือพอก่อน? >>Click​
IMF เผย GDP ไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น จัดพอร์ตอย่างไรดี? >>Click​
ดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ 7.7% ต่ำกว่าคาด​​ ตัวเลข CPI บอกอะไร?​ >>Click​


Yes
1/5/2023