มุมมองและคำแนะนำการลงทุนต่อ ตลาดหุ้นโลก
คาดว่าความผันผวนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงระยะถัดไปยังคงมี จากความไม่แน่นอนของผลกระทบจาก Credit Suisse ที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องไปทั่วโลก โดยต้องติดตามผลกระทบของ Credit Suisse ที่มีต่อสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ รวมถึงติดตามพัฒนาการของรายละเอียดมาตรการการช่วยเหลือ Silicon Valley Bank และ Credit Suisse และโอกาสที่จะธนาคารอื่นๆอาจมีปัญหาตามมา คาดว่านักลงทุนจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มนโยบายการเงินของทั้ง Fed และ ECB ในแง่ของการสมดุลระหว่างนโยบายดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และเป้าหมายเสถียรภาพในระบบการเงิน โดยจับตาการประชุม ECB ในวันที่ 16 มี.ค. นี้ และการประชุม Fed 21-22 มี.ค.นี้
มุมมอง : ยังคงมุมมอง Neutral
คำแนะนำ : เน้นให้เลือกภูมิภาคลงทุนที่เศรษฐกิจมีพัฒนาการที่ดีกว่า เช่น จีน เอเชีย ปัจจุบันแนะนำกองทุนหุ้นจีน เอเชีย และไทย
มุมมองและคำแนะนำการลงทุนต่อ ตลาดหุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปอยู่ในภาวะปรับฐาน หลังจากที่เป็นหนึ่งในตลาดที่ปรับตัวบวกได้ดีมาตั้งแต่ต้นปี
นอกจากความกังวลในการชะลอเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ถูกปรับคาดการณ์ลง เงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงทำให้ ECB มีความยากลำบากในการสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายเงินเฟ้อ และเป้าหมายเสถียรภาพของระบบการเงิน
มุมมอง : ยังคงมุมมอง Slightly Negative
คำแนะนำ : ชะลอการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์
สำหรับผู้ที่ถืออยู่ หากกังวลกับความผันผวน อาจขายบางส่วนไปกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่าง K-SF สำหรับผู้ลงทุนใหม่ แนะนำรอประเมินสถานการณ์
มุมมองและคำแนะนำการลงทุนต่อ ตลาดตราสารหนี้โลก
ตราสารหนี้โลกยังเผชิญความผันผวนในระยะสั้น ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อพันธบัตรรัฐบาล
กรณี Credit Suisse จะกระทบความเชื่อมั่นและทำให้ตลาดเกิดความกังวลมากกว่ากรณี Silicon Valley Bank เนื่องจากเป็นกรณีที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะเวลาใกล้เคียงกัน และ Credit Suisse มีธุรกรรมเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินอื่นๆ มากกว่า ส่งผลเชิง Sentiment ไปที่ภาคธนาคารและธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะในยุโรป ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าธนาคารกลางหลักทั้ง Fed และ ECB อาจพิจารณาชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายเงินเฟ้อและเป้าหมายเสถียรภาพของระบบการเงินมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในระยะถัดไปได้เร็วกว่าที่เคยคาดไว้ สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึง Fed Fund Futures ที่ประเมินโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยภายในปี 2023 สูงถึง 99% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ให้โอกาสการลดดอกเบี้ยเพียง 10%
แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่ชะลอลงจะส่งผลดีต่อตราสารหนี้คุณภาพดี โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลของประเทศหลัก เนื่องจาก Yield พันธบัตรจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและอาจลดลงได้ในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อการลุกลามของสถานการณ์ จะส่งผลให้ Credit Spread ของตราสารหนี้ภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น โดยตราสารหนี้ในกลุ่ม High Yield จะได้รับผลกระทบที่มากกว่าตราสารหนี้คุณภาพดี (Investment Grade)
ในระยะสั้น คาดว่าความผันผวนในตลาดตราสารหนี้โลกจะยังอยู่ในระดับสูง โดยต้องติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะมาตรการของทางการที่จะเข้ามาควบคุมปัญหาว่าจะช่วยลดความตื่นตระหนกได้หรือไม่ โดยล่าสุดธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศเข้าช่วยเหลือโดยให้เงินกู้ยืมแก่ Credit Suisse กว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มการเงินของยุโรปในช่วงเปิดตลาดวันที่ 16 มี.ค. เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
มุมมอง: ยังคงมุมมอง Slightly Positive
คำแนะนำ : การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเน้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ชะลอการลงทุนในตราสารหนี้ High Yield จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจชะลอ และความผันผวนในระบบธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักที่ลดลง