ปัญหาการปิดกิจการของธนาคารขนาดกลางและเล็ก ยังอาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ดี คาดว่าปัญหาการปิดกิจการของธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ ยังอาจเกิดขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงในภาวะดอกเบี้ยสูง หากธนาคารนั้นๆมีการกระจุกตัวของผู้ฝากเงินและพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าบางประเภท จึงทำให้คาดว่าแม้ความผันผวนของตลาดจะปรับลง แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องนี้กดดันอยู่เป็นระยะๆได้
มุมมองการลงทุนโดยภาพรวม
คาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป นอกจากจะต้องติดตาม พัฒนาการของรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือ SVB และการประกาศปิดธนาคารอื่นๆตามมาเพิ่มเติมแล้ว นักลงทุนจะกลับมาโฟกัสที่พัฒนาการของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางของดอกเบี้ย Fed ต่อไป
จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้ผลิต และ Retails Sales
โดยตัวเลขสำคัญที่ต้องจับตาในช่วงก่อนประชุม Fed ในวันที่ 21-22 มีนาคม นี้ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (ประกาศออกมาแล้ว 14 มี.ค. ชะลอตัวตามคาด) / ดัชนีราคาผู้ผลิต / Retails Sales ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงจากเดือนก่อน ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องมุมมองจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ย Fed ในรอบวัฎจักรนี้ลง
โดยคาดว่าปัจจัยทั้งจากมาตรการช่วยเหลือ SVB และมุมมองจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว น่าจะลดแรงกดดันต่อความผันผวนในตลาดสินทรัพย์ลงได้ในระยะถัดไป โดยจับตาการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้า ที่จะส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป และมุมมองต่อคาดการณ์ economic projection (GDP, เงินเฟ้อ) หลังจากเหตุการณ์ SVB
มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงวานนี้ (14 มี.ค.) กว่า 3% โดยกระจายไปในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม จากความกังวลวิกฤตภาคการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะลุกลามและทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยได้ ประกอบกับความกังวลเรื่องของสภาพคล่องโดยรวมจากอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะในสหรัฐฯ
ผลกระทบทางตรงกรณี SVB มีค่อนข้างจำกัดต่อตลาดไทย
ทั้งนี้ KAsset มองว่าผลกระทบทางตรงจากปัจจัยดังกล่าวมีค่อนข้างจำกัดสำหรับตลาดไทย เนื่องจากภาคธนาคารยังมีสถานะการเงินและเงินกองทุนค่อนข้างแข็งแกร่ง ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยไม่ได้แรงและเร็วเหมือนสหรัฐฯ โดย บลจ.กสิกรไทยมองว่าแรงขายที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุนเป็นหลัก ประกอบกับผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ในระยะสั้นตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกที่สนับสนุน
นอกจากนี้ valuation ของตลาดหุ้นไทยยังไม่ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาค อย่างไรก็ดี วันนี้ (15 มี.ค.) ตลาดหุ้นไทยได้มีการฟื้นตัวตามตลาดโลก โดยครึ่งเช้าดัชนีปรับขึ้นกว่า 2.5%
อนึ่ง มองว่าในระยะ 1-3 เดือน ตลาดหุ้นน่าจะยังมีความผันผวนตามตลาดโลกจนกว่าทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะเริ่มชัดเจนขึ้น และเศรษฐกิจเริ่มมีการปรับสมดุลจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
คำแนะนำการลงทุน สำหรับตลาดหุ้นไทย
KAsset คงคำแนะนำ ให้ทยอยเข้าลงทุนได้ ทั้งนี้ ดัชนีระหว่าง 1500-1550 จุด จะมี Downside ค่อนข้างจำกัด โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดน่าจะกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้นได้จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว