7/10/2023

“ตราสารหนี้” ในครึ่งปีหลัง คือ สินทรัพย์ปลอดภัย และมีสภาพคล่องสูง​

เมื่อพูดถึงประเด็นใหญ่ทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตามองเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ จนส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมา



คำถามที่น่าสนใจก็คือ บทบาทของ "ตราสารหนี้" ในครึ่งปีหลังนี้ ...จะเป็นอย่างไรต่อไป ? 

1. ฝั่งตะวันตก เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ  
ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายยังคงใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ที่ระดับ 5.00-5.25% และส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอีก 1-2 ครั้ง ภายในปีนี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 0.25% เข้าสู่อัตรา 3.50% เป็นที่เรียบร้อย

2. ฝั่งเอเชีย เตรียมลดอัตราดอกเบี้ยลง

ประเทศสำคัญทางแถบเอเชียอย่างอินเดีย และจีน ไม่ได้ประสบปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง แต่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง จึงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนทางฝั่งตะวันตก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยเฉพาะ LPR ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ลงไป 0.10% ซึ่งนับเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 10 เดือนเลยทีเดียว

ครึ่งปีหลัง "ตราสารหนี้" จะยังน่าลงทุนอยู่ไหม ?
โดยรวมแล้วอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และธนาคารกลางที่สำคัญอย่างสหรัฐฯ และยุโรป ยังมีนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดอยู่ ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) แต่อาจไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะสัญญาณของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้ว และมีโอกาสที่จะปรับตัวลงในอนาคตเหมือนกับที่ทางจีนได้มีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วนั่นเอง

ดังนั้น ตราสารหนี้จึงยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจในครึ่งปีหลัง ในฐานะของสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และมีสภาพคล่องสูง ที่ยังถือเป็นตัวเลือกชั้นดีในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยเช่นกัน

07-knowledge-long-term-bonds-after-interest-rates-stabilized-and-entered-a-downtrend-jul23.jpg

KAsset ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ตัวเด็ด 
เซฟใจ และเซฟเงินในกระเป๋า ช่วยปรับพอร์ตพร้อมรับโอกาสทำกำไรกับ 4 กองทุนเหล่านี้

1. กองทุน K-SFPLUS 
พักเงินสบาย ปลอดภัย สภาพคล่องสูง มั่นใจกับตลาดตราสารหนี้ไทย และต่างประเทศ ด้วยกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดี แนะนำลงทุน 3-6 เดือนขึ้นไป 

2. กองทุน K-PLAN1 
การันตีผลตอบแทนระดับ 5 ดาว จาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 66) กับกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีในไทย เหมาะกับผู้ที่ลงทุน 9 เดือน - 1 ปีขึ้นไป
 
3. กองทุน K-FIXEDPLUS 
เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น ลงทุนกับตราสารหนี้คุณภาพเยี่ยมที่คัดเลือกแล้วโดยผู้เชี่ยวชาญ เน้นคัดตราสารหนี้ไทยเกรด A และปรับสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศตามความเหมาะสม แนะนำลงทุนตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป 

อยากโกอินเตอร์ กระจายการลงทุนไปกับตราสารหนี้ชั้นนำ (Investment Grade) ทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ กว่า 400 ตัวทั่วโลก ผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น และมีนโยบายจ่ายปันผล แนะนำลงทุน 3-5 ปีขึ้นไป

หมายเหตุ ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com

บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย 
ข้อมูล ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2023

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 
มุมมองการลงทุน หลังเลือกตั้ง พ.ค. 2566 >>Click
กองทุน LTF ครบกำหนด ..ทำอย่างไรดี ? >>Click
GDP จีนไตรมาสแรกขยายตัว 4.5% สูงกว่าคาด >>Click​​​​

Yes
7/10/2023
0