8/6/2024

ตลาดหุ้นปรับฐานรอบนี้ คือ "โอกาสเข้าสะสมสินทรัพย์เสี่ยง"

โอกาสการลงทุนช่วงตลาดปรับฐาน

KAsset และ J.P. Morgan Asset Management มองว่าการปรับฐานในรอบนี้ เป็นโอกาสเข้าสะสมสินทรัพย์เสี่ยง แต่รอความผันผวนลดลงก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมุมมอง ดังนี้

 

เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อ และยังไม่เห็นสัญญาณของ Recession ในสหรัฐฯ ที่ชัดเจน

โดยแบบจำลอง GDPNow ของธนาคารกลางสาขาแอตแลนตา ที่บ่งชี้ GDP ไตรมาส 3 สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 2.5% สนับสนุนจากการบริโภคในประเทศ ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานที่กำลังลดความร้อนแรงลงนั้นเป็นไปตามที่เราคาด และยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้เพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

 

นอกจากนี้ หลังจากที่เมื่อคืน (5 ส.ค.) S&P Global ประกาศดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย อยู่ที่ระดับ 55 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัว และใกล้เคียงกับเดือนก่อน ทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย

 

เงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ตอกย้ำโอกาสที่จะเห็น Fed ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมก.ย.นี้

 

โดยจากความกังวลเรื่อง Recession ที่มีเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนมองว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.5% ในเดือนก.ย.นี้ และปรับลงอีก 0.5% ในเดือนพ.ย.และ 0.25% ในเดือนธ.ค. รวมปีนี้ปรับลงถึง 1.25% จากที่ก่อนหน้ามองที่ 0.75% อย่างไรก็ตาม ทาง KAsset ยังคงมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 0.25% และไม่ได้จำเป็นต้องการประชุมเร่งด่วน หรือ Emergency Cut

 

การลดดอกเบี้ยของ Fed จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นและตราสารหนี้สามารถปรับตัวขึ้นได้หากไม่มีเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง

 

1. ตลาดแรงงานกำลังชะลอความร้อนแรงลง แต่ไม่ได้มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเกิดเศรษฐกิจถดถอย

ในเรื่องของตลาดแรงงานที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานล่าสุดที่ออกมาอยู่ที่ 4.3% ซึ่งสูงขึ้น แต่เราไม่ได้เห็นข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จะทำให้เกิดการเลิกจ้าง หรือปลดคนงานในทุกอุตสาหกรรม การที่อัตราการว่างงานสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการที่มีจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นเข้ามาในตลาดแรงงาน ตลาดแรงงานกำลังชะลอความร้อนแรงลง แต่ไม่ได้มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเกิดเศรษฐกิจถดถอย

 

2. กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตดี

ในขณะที่ตลาดกำลัง Panic แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมายังเติบโต และคาดจะเติบโตได้ 10% ในปีนี้ และ 15% ในปีหน้า

 

มุมมองการลงทุน จาก KAsset Investment Strategy

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและยังมีความกังวลต่อความผันผวนในช่วงนี้ :

แนะนำเพิ่มสัดส่วนกองทุนตราสารหนี้ K-FIXEDPLUS เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

 

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง :

Valuation ปรับลงมาเป็นโอกาสทยอยเข้าสะสม แต่รอความผันผวนเริ่มน้อยลงก่อนค่อยเข้าลงทุนเพิ่ม เช่น เมื่อเห็นดัชนีวัดความผันผวน หรือ VIX Index ปรับตัวลง โดย KAsset แนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นญี่ปุ่น ไปเข้ากองทุนที่เรามีมุมมองบวกและเห็นโอกาสการลงทุนในระยะยาวที่ดี ได้แก่  K-USA, K-GTECH, K-INDIA และ K-VIETNAM

 

คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

 

ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย

ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2567

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มุมมองต่อหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ และปัจจัยอื่นๆ >>Click

Fed และ กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด  >>Click

ECB ลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในรอบ 5 ปี >>Click

วันแดงเดือด ตลาดหุ้นญี่ปุ่น!! >>Click


Yes
8/6/2024
none