2/15/2019

​​​​​​​​​​​​​​​ภาพรวมการลงทุน​

          ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานักลงทุนจับตาสถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ซึ่งลากยาวตั้งแต่ปลายปี 2561 และผลการโหวตแผน Brexit ​ของเทเรซา เมย์ ไม่ผ่านการอนุมัติของสภาสามัญชนแห่งสหราชอาณาจักร (House of Commons) ทำให้กระบวนการ Brexit ยังมีความไม่แน่นอนต่อไป ขณะที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ด้านราคาน้ำมันดิบโลก (WTI) รีบาวด์กลับมายืนเหนือ USD50/bbl ภายหลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรเวเนซุเอล่า และการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาด พร้อมส่งสัญญาณยืดหยุ่นมากขึ้นต่อแผนการลดขนาดงบดุล ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงตลอดทั้งเดือนสู่ระดับ 95.3 จากความไม่แน่นอนผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ Government Shutdown โดยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน สหรัฐฯ สามารถผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถกลับมาดำเนินงานได้ ในเดือนนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น (ยกเว้นมาเลเซีย) ขณะที่ค่าเงินประเทศในอาเซียนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น (ยกเว้นเวียดนาม)

ในเดือนมกราคม SET Index ปรับตัวขึ้น 4.98% MoM นำโดยหุ้นกลุ่ม Consumers ภายหลังคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น +3.5% MoM ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย JCI Index ปรับตัวขึ้น 5.46% MoM นำโดยหุ้นกลุ่ม Industrials Materials และ Utilities ค่าเงินรูเปียห์แข็งค่าต่อเนื่อง +2.3% MoM ภายหลัง FED คงดอกเบี้ยตามคาดตลอดจนชะลอการลดขนาดงบดุลเร็วกว่าคาด ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ PCOMP Index ปรับตัวขึ้น 7.25% MoM โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมที่ปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง +5.1% จาก +6% ในเดือนก่อนหน้า โดยหุ้นกลุ่ม Consumers ปรับตัวได้ดีกว่าตลาด ขณะที่ค่าเงินเปโซแข็งค่าขึ้น 0.88% MoM เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐตามภูมิภาค ตลาดหุ้นมาเลเซีย FTSE BURSA Index ปรับตัวลง 0.42% MoM โดยเป็นการปรับตัวลงในหุ้นกลุ่มส่งออก (Healthcare และ Materials) เนื่องจากค่าเงินริงกิตที่แข็งค่าขึ้น ตลาดหุ้นประเทศเวียดนาม VNI Index ปรับตัวขึ้น 2.03% MoM ตามภูมิภาค ซึ่งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้รับแรงสนับสนุนจากการที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแผนการเพิ่มสัดส่วนการถือครองของต่างชาติในธนาคารพาณิชย์ของประเทศ  ขณะที่หุ้นกลุ่ม Industrials และ Materials ปรับตัวลงกดดันตลาดจากความกังวลด้านเศรษฐกิจโลก​


สถานการณ์ตลาดหุ้นในอาเซียน



กองทุนเปิดเค อาเซียน อีโคโนมิค คอมมูนิตี้ หุ้นทุน (K-AEC)

ผลการดำเนินงาน​

          ในเดือนที่ผ่านมากองทุนมีผลการดำเนินงานต่ำกว่า Benchmark อยู่ 0.64% โดยกองทุนได้รับผลกระทบเชิงลบจากการ Overweight ประเทศเวียดนาม ซึ่งตลาดปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค และ Stock Selection ของหุ้นประเทศฟิลิปปินส์ที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยรวม ขณะที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการ Underweight หุ้นกลุ่ม Healthcare ในประเทศมาเลเซียที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินริงกิตที่แข็งค่าขึ้น


กลยุทธ์การลงทุน

          โดยในปัจจุบันทางกองทุนยังคงลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ในสัดส่วนต่ำกว่า Benchmark เนื่องจากคาดการณ์ว่านโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่จะยังคงส่งผลเชิงลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในบางกลุ่ม โดยเฉพาะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล (Government-Linked Companies: GLC) และราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำ และยังให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในสัดส่วนสูงกว่า Benchmark เนื่องจากมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ สำหรับรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอุปโภคบริโภค


มุมมองในอนาคต

          คาดว่าตลาดหุ้นอาเซียนยังคงเผชิญกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เช่น ความไม่แน่นอนเรื่องข้อสรุปมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาคกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และความกังวลของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่เรามีมุมมองเป็นบวกในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งผลักดันโดยการบริโภคในประเทศที่ยังเจริญเติบโตได้ ตลอดจนมี Valuation ที่เหมาะสม อย่างไรก็ดียังคงมุมมองระมัดระวังในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐและราคาน้ำมันโลกที่ยังผันผวน​

​----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้อาจไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ l เนื่องจากกองทุนลงทุนในหุ้นเฉพาะภูมิภาค จึงมีความเสี่ยงและมีราคาผันผวนสูงกว่ากองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนหลายภูมิภาค l ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต


ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน l สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 02-6733888 หรือ
www.kasikornasset.com ข้อมูลจัดทำ ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562​ โดยฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย


Yes
2/15/2019